บันเทิงไทย

จุดจบความสัมพันธ์ ! แพรวา ณิชาภัทร เผยรักครั้งล่าสุดเลิกรักทั้งที่ยังรัก

13 มิถุนายน 2022 - 08:58

จุดจบความสัมพันธ์ ! แพรวา ณิชาภัทร เผยรักครั้งล่าสุดเลิกรักทั้งที่ยังรัก พร้อมยังได้ปรึกษาปัญหาหัวใจกับพี่อ้อย พี่ฉอด ทำอย่างไรถ้าเจอรักครั้งใหม่

เมื่อนักแสดงมากฝีมือ แพรวา ณิชาภัทร มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดแบบหมดเปลือกทุกเรื่องราวของชีวิตในเรื่องราวของชีวิต ถึงจุดจบความสัมพันธ์รักครั้งล่าสุดเลิกรักทั้งที่ยังรัก พร้อมยังได้ปรึกษาปัญหาหัวใจกับพี่อ้อย พี่ฉอด ทำอย่างไรถ้าเจอรักครั้งใหม่

แพรวา : พอเราเป็นคนคุยกันเราจะไม่ได้คาดหวังอะไรจากอีกฝ่ายแต่พอเราเป็นแฟนเราจะเริ่มคาดหวังกัน

ถาม ตอนนั้นเราใช้เวลาในการคบกันกี่ปี
แพรวา : น่าจะประมาณ 2 ปีนะคะ

ถาม ซึ่งจริงๆแล้วการที่เรามาคุยกันในลักษณะแบบนี้เราต้องบอกก่อนว่าในทุกความสัมพันธ์มันมีบทเรียนเพราะฉะนั้นเราไม่ได้มานั่งคุยกันแล้วบอกว่าใครถูกใครผิด หรือจะมีตำหนิติเตียนใดๆกัน เพราะว่าเราก็ห่วงชาวโซเชียลที่จับเอาประเด็นตรงนั่นตรงนี้เอามาโจมตี เราคุยกันเพียงแค่ศึกษาหาบทเรียน คือ เรียนรู้วิธีคิดจากชีวิตของคนอื่น งั้นตอนที่คบกันเวลามีปัญหาอะไรทำไมเราถึงไม่ค่อยคุยกันเอง ทำไมต้องผ่านคนกลางช่วยแปลงสารส่งสารให้
แพรวา : เพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นคนอธิบายของฝั่งเราแล้ว แล้วพอเขาเหมือนเขาไม่เข้าใจเราเราก็พยายามอธิบาย เขาก็พยายามอธิบายฝั่งเขาแต่พอเหมือนยิ่งเราอธิบายกันเท่าไหร่มันยิ่งไม่เข้าใจกันไปเรื่อยๆค่ะ ก็เลยต้องมีคนกลางมารับฟังสิ่งนี้แล้ววิเคราะห์แล้วก็มาตอบว่าคนนี้เขาหมายถึงแบบนี้ คนนี้เขาหมายถึงแบบนี้นะ โอเคนะมาแปลงสารให้มันง่ายขึ้นค่ะ

ถาม เพราะว่ามันมีอารมณ์และความรู้สึกเข้าไปมากไปหรือเปล่า ส่วนตัวคนกลางเขาไม่มีอารมณ์ในส่วนนั้นเขาก็เลยมีสติมากกว่า
แพรวา : ใช่ค่ะ มันอาจจะมีเรื่องอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวด้วย พอเราเป็นแฟนกันพอเราได้อธิบายแล้วแล้วเขาไม่เข้าใจเราก็จะแบบทำไมถึงไม่เข้าใจเราเหรอ ฝั่งเขาก็เหมือนกันทำไมไม่เข้าใจผมเหรอเหมือนกัน คือ มันก็กลายเป็นว่าเรามีอารมณ์กันทั้งคู่ มันก็เลยต้องมีคนกลางเพราะหลายๆครั้งที่เราทะเลาะกันเราก็จะแบบแค่นี้ก่อนนะ เราก็โทรหาเพื่อนเล่าเรื่องแล้วก็ให้เพื่อนโทรไปอธิบายให้เขาฟังหน่อยว่าคือสิ่งที่เราอยากจะพูดกับเขา แต่เหมือนว่าเขาไม่เข้าใจแมสเสจเราเพื่อนก็โทรไปคุยกับเคลียร์ให้แล้วเพื่อนก็โทรกลับมาโอเค !! แมสเสจฝั่งเขาคือแบบนี้นะโอเค เช่นเรื่องการแต่งตัว หรือบางทีเรื่องเพื่อนผู้ชายมันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่ว่าเราคุยกันไม่เข้าใจ เหมือนผิดที่การสื่อสารของเราทั้งสองคนค่ะ

ถาม เขาเป็นคนขี้หึงเหรอ ??
แพรวา : มากค่ะ

ถาม แล้วเรื่องแต่งตัวคือยังไง
แพรวา : คือ เขาไม่อยากให้เราแต่งตัวโป๊

ถาม แล้วที่ใส่มาวันนี้ถือว่าโป๊ไหม
แพรวา : ถือว่าโป๊ค่ะ ถึงแม้ว่าเราใส่กระโปรงแล้วเราใส่กางเกงซับข้างในแล้วถ้าเรานั่งแล้วเห็นกางเกงซับข้างในเขาถือว่าโป๊

ถาม แต่งานของน้องด้วยแล้วก็ด้วยความที่รูปร่างเอาจริงๆรูปร่างผู้หญิงโป๊ไม่โป๊เนี่ย คือ แพรววา เป็นคนตัวผอมเนอะก็น่ารักดีซึ่งแต่งตัวยังไม่ก็ดูว่าไม่โป๊เท่าไหร่
แพรวา : พอเราทำงานตรงนี้ เราก็อยากแต่งตัวสวย คือ สำหรับตัวเราก็แต่งตัวแบบนี้เราถือว่าแต่งตัวสวย คือ เราก็มีลิมิตในการแต่งตัวโป๊อยู่เท่านี้เราจะถือว่าไม่โป๊นะ แต่ถ้ามากกว่านี้โอเคเราโป๊ล่ะ เพราะเราก็ไม่ได้เป็นคนแต่งตัวโป๊มากขนาดนั้นอยู่แล้ว

ถาม ถ้าพูดจริงๆ แพรวา ไม่ได้มีภาพแบบนั้นติดมาเลย แบบไม่ได้แต่งตัวเซ็กซี่มาก แต่งตัวโป๊มากมันไม่มีภาพนี้ติดมาด้วยเลย
แพรวา : เราก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราแต่งแล้วเรามีปัญหาเราก็ไม่แต่งดีกว่าตัดปัญหาไปเลยดีกว่า เราก็ไม่แต่งง่ายกว่า

ถาม แล้วเราถามไหมว่าเราต้องแต่งแบบไหน ถึงจะโอเค
แพรวา : ก็เคยถามค่ะ เขาก็บอกว่าแล้วแต่คุณเลย เราก็เลยเลือกที่จะถามเพื่อนผู้ชายเลยที่สนิทว่าแบบนี้โป๊ไหม เฟยบอกว่าไม่ แบบนี้โป๊ไหมเพื่อนก็บอกว่าไม่ แต่สำหรับเขามันโป๊

ถาม แต่ทั้งหมดก็มาจากความห่วงใยแล้วเวลาเป็นแฟนก็จะมีความหวงอยู่ในนั้นด้วย แต่ถ้าไปกับเขาก็ยังแต่งตัวแบบนี้ได้
แพรวา : ใช่ค่ะ อย่างถ้าไปทะเลแล้วไปกับเขาเราสามารถใส่ทูพีชได้แต่เขาต้องอยู่ด้วย

ถาม มันมีเหตุการณ์อะไรไหมที่เอาล่ะจบแน่คราวนี้
แพรวา : เราจะไปกินข้าวกับเพื่อนเขาเหมือนบอกว่าทำไมถึงไม่ไปกินข้าวกับเขา ไม่มีเวลาให้เขา ซึ่งเรารู้สึกว่าก็เดี๋ยวจะไปเที่ยวด้วยกันอยู่แล้ว 4 วัน จะได้อยู่ด้วยกัน 2 คนแต่ว่าอันนี้คือ อยากไปกินกับเพื่อนช่วงนี้ทำงานหนักอยากเจอเพื่อนเป็นฟีลน้อยใจ เราก็โทรไปหาเพื่อนคนนี้ว่าที่เราทำผิดหรือเปล่าเพื่อนก็บอกว่า คือ ฝั่งหนึ่ง พี่หน่อง เขาหมายความว่าเขาน้อยใจเธอเขาอยากให้เธอมีเวลาให้เขาบ้างไปกินข้าวกับเขาบ้าง ก็อธิบายในมุมฝั่งนั้นเราก็เข้าใจแต่ว่าเงื่อนไขเราคือ เดี๋ยวจะไปอยู่ด้วยกันไปเที่ยวทะเลด้วยกัน 4 วัน แล้วทำไมเราถึงไม่สามารถไปกินข้าวกับเพื่อนเราได้ถึงแม้เราจะเพิ่งไปกินเมื่อวันก่อน แต่วันนี้ทำไมเราจะไปกินข้าวอีกไม่ได้

ถาม แล้วพอเวลาเราฟังแบบนี้เราจะรู้สึกว่าเรื่องเล็กๆแต่ในวันหนึ่งในวัยหนึ่งมันเป็นเรื่องโลกถล่มได้นะ
แพรวา : เราคือสองคนที่รู้สึกว่ามันคือจิกซอว์คนละชิ้นที่พยายามปรับเข้าหากันแต่มันสุดทางแล้วค่ะ มันเข้ากันไม่ได้จริงๆ

ถาม ซึ่งนี่คือเรียกว่าฟางเส้นสุดท้ายไหม
แพรวา : ใช่ค่ะ สำหรับเรารู้สึกว่ามันใหญ่เพราะเรารู้สึกว่าเขาเป็นคนขอให้เพื่อนคนนี้พาเรามาเคลียร์ด้วย แล้ววันนี้เราจะไปกินข้าวกับเพื่อนคนนี้แล้วเพื่อนคนนี้เป็น LGBT+ ด้วยเราเลยรู้สึกว่ามันค่อยข้างเรื่องใหญ่ถ้าแตะเรื่องเพื่อนเรา

ถาม แต่ถ้าถามว่าเขามีสิทธิ์น้อยใจไหม เขาก็มีสิทธิ์น้อยใจ
แพรวา : ใช่ เราก็เข้าใจเขาว่าน้อยใจแต่ว่าเดี๋ยวก็จะไปอยู่ด้วยกันอีก 4 วัน ไปทะเล

ถาม เข้ากันไม่ได้มีอยู่จริงอย่าบอกว่าเพราะรักกันต้องเข้ากันได้ทุกนเรื่องไม่มีนะ บางคนยังรักกันมากแต่รู้ว่าถ้าเดินกันต่อไปต่างคนต่างทำร้ายซึ่งกันและกัน ซึ่งครั้งสุดท้ายนี้ใครเป็นคนตัดสินใจที่จะบอกเลิก
แพรวา : ตัวเราเองค่ะ ตอนแรกจะบอกคืนนั้นเลยก่อนที่จะไปกินข้าวพรุ่งนี้เช้า แต่ว่าผู้จัดการเรากับเพื่อนคนนี้บอกว่าใจเย็นก่อนเนอะ ลองนอนก่อนอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไร ลองนอนก่อน แต่เช้ามาเราก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมว่ามันแบบมันเข้ากันไม่ได้จริงๆแล้วเรารู้สึกว่าถ้ามันยื้อกันต่อไปเรื่อยๆแล้วปรับกันอยู่อย่างนี้มันต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่แบบแหลกสลายเป็นผุยผงค่ะ ตอนแรกเราก็พิมพ์ไปก่อนว่าเราพอแค่นี้ดีกว่า ตอนแรกเราไม่อยากโทรไปบอกเขาเพราะเรารู้สึกว่ามันยากเหมือนกันเพราะว่ามันคือการบอกเลิกตอนที่เรายังรักเขาอยู่มากๆเราไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนมันเลยค่อนข้างยาก

ถาม เขายื้อไหม
แพรวา : ไม่ค่ะ

ถาม แต่ทั้งหมดทั้งปวงเราไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูดนะเพราะว่าเงื่อนไขในแต่ละคู่ถ้าเขารับกันได้แล้วเขาแฮปปี้มันจบนะ แล้วมีอะไรอยากจะบอกเขาเป็นพิเศษไหม
แพรวา : จริงๆเราไม่กล้าบอกอะไรเขาหรอกเราก็หวังว่าวันหนึ่งเขาจะเจอความรักที่ดีเจอคนที่พอดีกับเขาจริงๆอยากเห็นเขามีความสุข

ถาม ทุกความรักที่ผ่านมาสอนอะไร แพรวา บ้าง
แพรวา : สอนให้เรารักตัวเองมั้งคะ คิดว่ามันสำคัญที่สุด

ถาม อันนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเลยเพราะว่าถ้าเรารักตัวเองเราก็จะไม่ไปกรีดข้อมือหรือคิดว่าจะไปทำอะไรเพราะปากคนอื่นอีก
แพรวา : หลังจากนี้จะไม่อ่อนแอให้ชาวเน็ตแล้วถ้าใครว่าเราแรงๆอีกเราส่งหมายศาลแล้ว

ถาม อันหนึ่ง แพรวา บอกว่าตั้งใจมาคุยเรื่องความรักที่นี่ในรายการ คลับฟรายเดย์โชว์ แล้วก็ตั้งในมาเล่าให้พี่อ้อยพี่ฉอด ฟังโดยเฉพาะแล้วมาถึงตอนนี้อยากจะถามอะไรพี่อ้อย พี่ฉอด เป็นพิเศษไหม
แพรวา : ถ้าสมมติความรักครั้งใหม่หลังจากนี้ไม่อยากจะให้ชาวเน็ตรับรู้แล้วมันดูเป็นไปไม่ได้ไหมคะ
พี่อ้อย : พี่ว่าถ้าเปลี่ยนได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหนูรักตัวเองมากพอที่ แพรวา จะวางคนเหล่านั้นไว้ตรงไหนง่ายกว่าน้องค่ะ โลกของโซเชียลยิ่งเราปิดยิ่งมีคนคุ้ยในเมื่อทำไมได้อยู่อย่างไรกับสิ่งเหล่านี้ดี เพราะฉะนั้นพี่ว่าสร้างภูมิคุ้มกันให้กับหัวใจ แพรวา ดีกว่าว่าคนบางคน แพรวา วางเขาไว้ตรงไหนที่กระทบหัวใจของเราให้ได้น้อยที่สุดก่อน
พี่ฉอด : พี่รู้ว่ามันอาจจะอยากสำหรับบางคนที่เราจะพูดประโยคบางนี้กันแต่พี่ก็รู้สึกอยู่ดีว่ามันเป็นวิธีการที่ดีก็ต้องบอกกับตัวเองว่าคนเหล่านั้นไม่ได้มีผลอะไรต่อชีวิตเรา อย่าปล่อยให้เขามามีผลอะไรต่อชีวิตเราเพราะมันไม่มีจริงๆเท่านั้นเอง หรือว่าถ้ารู้สึกว่าเราไม่พร้อมก็ไม่ต้องอ่าน พี่เพิ่งไปเจอหลวงลุงที่วัดดอนจั่นเป็นพระที่พี่นับถือ ท่านบอกว่าก็รู้ว่าขี้ก็อย่าเอามาแปะจมูกสิเหมือนเรารู้อยู่แล้ว ก็ไปล้างมือท่านบอกถ้าเรายังเก็บไว้ที่มือหรือเราเอามาดมมันก็เหม็นเป็นเรื่องธรรมดา
พี่อ้อย : ใครว่าเราไม่ดีเราก็ดีให้เขาดูแล้วกัน
แพรวา : บางทีเรารู้ว่าเรายิ่งโต เราก็ยิ่งรู้สึกขี้เกียจอธิบายกับคนข้างนอกที่เขาไม่รู้ว่าตัวจริงเราเป็นอย่างไร
พี่ฉอด : ก็ไม่ต้องอธิบายเพราะเขาไม่ได้มีผลต่อชีวิตเราเราก็ไม่ต้องอธิบาย
พี่อ้อย : หรือบางคนเขาไม่ชอบเราแล้วอธิบายไปก็เปลืองแรงอธิบาย

ถาม ความรักครั้งต่อไปสมมติถ้ามีเพราะตอนนี้ก็คงยังไม่ใช่เวลาหรอกเนอะที่จะเปิดใจอะไรคิดไว้ก่อนไหมว่าเราอยากจะได้ความรักแบบไหน
แพรวา : อยากให้เขาพอดีกับเราแล้วกันค่ะ เป็นคนทั้งคู่ที่ไม่ต้องปรับอะไรกันมาก เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใต คือเหมือนตอนนี้ความรักที่เราให้ตัวเองสูงมาก

สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :