Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

สู้เพื่อศักดิ์ศรีนักกีฬาไทย! ชงเพิ่มเบี้ยเลี้ยง,เงินอัดฉีดซีเกมส์

แม้มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จะปิดฉากลงไปแล้ว แต่ภารกิจสำคัญในการดูแลและยกระดับคุณภาพชีวิตของนักกีฬาไทยยังคงเดินหน้าต่ออย่างไม่หยุดยั้ง

 

 

สำหรับ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่า จะยังไม่ละทิ้งประเด็นการขอปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยงฝึกซ้อมและเงินรางวัลอัดฉีดนักกีฬาซีเกมส์ พร้อมเตรียมนำเรื่องดังกล่าวเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณาเห็นชอบ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในปัจจุบัน

 

ประธานโอลิมปิคไทย บอกถึงภาพรวมผลงานของทัพนักกีฬาไทยในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ว่า นับเป็นอีกหนึ่งซีเกมส์ที่สร้างความประทับใจอย่างยิ่ง ทั้งในแง่ของผลการแข่งขันและพัฒนาการของนักกีฬา

 

จากการส่งเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 50 ชนิดกีฬา ปรากฏว่ามีถึง 40 ชนิดกีฬาที่นักกีฬาไทยสามารถยกระดับผลงานได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และทำผลงานคว้าเหรียญทองได้มากกว่าซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมา สะท้อนถึงการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบของนักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

“บิ๊กพิมล” มองว่า ความสำเร็จดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการทุ่มเทเสียสละอย่างหนักของนักกีฬาไทย ที่ต้องฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน บางคนต้องห่างไกลครอบครัว ต้องแลกกับความเหน็ดเหนื่อยและแรงกดดันมหาศาล เพื่อเป้าหมายเดียวคือการนำชื่อเสียงและความภาคภูมิใจกลับมาสู่ประเทศชาติ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตนยืนยันว่า นักกีฬาไทยสมควรได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้

 

 

ในประเด็นเบี้ยเลี้ยงฝึกซ้อม ประธานโอลิมปิคไทย ระบุว่า ปัจจุบันนักกีฬาทีมชาติได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 900 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่มีการปรับเพิ่มมานานกว่า 15 ปีแล้ว อีกทั้งในจำนวนดังกล่าว ยังต้องถูกหักค่าที่พักประมาณ 300 บาท รวมถึงค่าอาหาร ขณะที่ค่าครองชีพในปัจจุบัน

 

โดยเฉพาะค่าอาหารและค่าดำรงชีพพื้นฐาน ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเมื่อ 15 ปีก่อน ทำให้นักกีฬาหลายคนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพิ่มเติม

 

ด้วยเหตุนี้ “บิ๊กพิมล” จึงตั้งใจผลักดันให้มีการปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยงฝึกซ้อมขึ้นมาอยู่ที่วันละ 1,200 บาท ซึ่งแม้จะยังไม่ใช่ตัวเลขที่สูงมากนัก แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกที่ดีกว่าอัตราเดิม และช่วยบรรเทาภาระของนักกีฬาได้ในระดับหนึ่ง พร้อมทั้งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจของภาครัฐที่มีต่อนักกีฬาทีมชาติ

 

นอกจากเรื่องเบี้ยเลี้ยงแล้ว อีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ประธานโอลิมปิคไทยย้ำว่าจะเดินหน้าผลักดันต่อ คือ การขอปรับเพิ่มเงินรางวัลอัดฉีดนักกีฬาซีเกมส์ ซึ่งอัตราเดิมเป็นตัวเลขที่ใช้มาอย่างยาวนาน

 

และเมื่อเปรียบเทียบกับเงินรางวัลในมหกรรมกีฬาใหญ่อย่างเอเชียนเกมส์แล้ว ถือว่ายังอยู่ในสัดส่วนที่ค่อนข้างต่ำ ทั้งที่นักกีฬาซีเกมส์ต้องผ่านการฝึกซ้อมและการแข่งขันอย่างเข้มข้นไม่แพ้กัน

 

ข้อเสนอของ “บิ๊กพิมล” คือ การปรับเพิ่มเงินรางวัลอัดฉีด โดยเหรียญทองจากเดิม 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท เหรียญเงินจาก 150,000 บาท เป็น 300,000 บาท และเหรียญทองแดงจาก 75,000 บาท เป็น 150,000 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับภาระ ความทุ่มเท และความเสียสละของนักกีฬาในยุคปัจจุบัน

 

“นักกีฬาทุกคนต้องสละเวลา ฝึกซ้อมอย่างหนัก และทำผลงานเพื่อประเทศชาติ พวกเขาควรได้รับการดูแลที่ดี ได้รับเบี้ยเลี้ยงและเงินรางวัลที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่สำคัญคือนักกีฬาไทยต้องมีเกียรติและศักดิ์ศรี สมกับการเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ” ประธานโอลิมปิคไทย กล่าวย้ำอย่างหนักแน่น

 

จากผลงานอันน่าประทับใจในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ผนวกกับความตั้งใจจริงในการยกระดับคุณภาพชีวิตนักกีฬาไทยของ “บิ๊กพิมล” ทำให้ประเด็นการเพิ่มเบี้ยเลี้ยงและเงินอัดฉีด ไม่ใช่เพียงเรื่องของตัวเลข แต่คือภาพสะท้อนของการให้คุณค่าและความเคารพต่อผู้ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อธงไตรรงค์อย่างแท้จริง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube