“พีระพันธุ์” จี้ รัฐ–กองทัพ ต้องเป็นหนึ่งเดียว หยุดส่งน้ำมัน–ไฟฟ้าถึงกัมพูชา
“พีระพันธุ์” เรียกร้องรัฐ–กองทัพ ต้องเป็นหนึ่งเดียว หยุดส่งน้ำมัน–ไฟฟ้าถึงกัมพูชา ชี้ พิรุธน้ำมันผ่านลาวอาจเอื้อข้าศึก เข้าข่ายผิด ม.122 จี้ ใช้กฎหมายเด็ดขาดปกป้องแผ่นดินและชีวิตทหาร
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แสดงความกังวลต่อกรณีการส่งออกน้ำมันของบริษัทเอกชนไปยังประเทศกัมพูชา ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา
โดยย้ำว่า รัฐบาลและกองทัพต้องมีท่าทีเป็นเอกภาพ และต้องใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตของกำลังพล
ส่วนกรณีดังกล่าวสร้างความสับสนในสังคม เนื่องจากรัฐบาลโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า รถขนน้ำมันที่จอดรออยู่บริเวณด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี เป็นการส่งออกไปยัง สปป.ลาว และไม่สามารถสกัดกั้นได้
เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันว่าจะถูกส่งต่อไปยังกัมพูชา ซึ่งขัดแย้งกับท่าทีของกองทัพไทยที่มีคำสั่งปิดกั้นอ่าวไทย เพื่อป้องกันการลำเลียงน้ำมันและยุทธปัจจัยที่อาจเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายตรงข้าม
พร้อมตั้งคำถามว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ รัฐบาลกับกองทัพควรมีจุดยืนร่วมกันหรือไม่ พร้อมย้ำว่า สถานการณ์ชายแดนขณะนี้ไม่ใช่ภาวะปกติ เนื่องจากไม่เคยเกิดการปะทะรุนแรงตลอดแนวชายแดนในระดับนี้มาก่อน รัฐบาลจึงควรตั้งสมมติฐานในทางเลวร้ายไว้ก่อน โดยเฉพาะกรณีการส่งออกน้ำมันผ่าน สปป.ลาว ซึ่งมีเส้นทางเชื่อมต่อกับกัมพูชา จำเป็นต้องมีการตรวจสอบปลายทาง ผู้รับสินค้า และความเป็นไปได้ในการส่งต่ออย่างละเอียด
นายพีระพันธุ์ ยังระบุว่า สถานการณ์ในขณะนี้ไม่ต่างจากภาวะสงคราม ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ใดอุปการะหรือช่วยเตรียมการรบให้ข้าศึก ถือว่ามีความผิด และหากเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร ไม่ดำเนินการ อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดผู้มีอำนาจหน้าที่จึงไม่ใช้กฎหมายที่มีอยู่ในการปกป้องประเทศและชีวิตของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้า
สำหรับคำชี้แจงของปลัดกระทรวงพลังงาน ที่ระบุว่าการส่งออกน้ำมันไป สปป.ลาว ในปริมาณมากเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูแล้ง นายพีระพันธุ์ ตั้งข้อสงสัยว่า จะเชื่อคำอธิบายดังกล่าวได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรในพื้นที่กลับมองว่าเป็นสถานการณ์ผิดปกติ พร้อมตั้งคำถามว่า ควรเชื่อข้อมูลจากเจ้าหน้าที่หน้างาน หรือผู้บริหารระดับบนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่จริง
นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการทำงานด้านการข่าวต่างประเทศว่า แม้กระทรวงการต่างประเทศจะทำงานดีขึ้นกว่าสมัยก่อน แต่ยังไม่เพียงพอและไม่ทันต่อเกมของกัมพูชา ซึ่งมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และมิติการค้าระหว่างประเทศ พร้อมระบุว่า “คนโกงมักเตรียมการล่วงหน้าเสมอ”
ทั้งนี้ ยังตั้งข้อสังเกตถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศจีน ว่าเป็นการ “ขาย” หรือ “ให้” เนื่องจากอาวุธเหล่านี้มีมูลค่าสูง พร้อมตั้งคำถามถึงแหล่งเงินทุนของกัมพูชา ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าไทยอย่างมาก
นายพีระพันธุ์ เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยต้องเตรียมการล่วงหน้าและสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ เพราะการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ไม่สามารถทำได้ทันที หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปโดยไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในระยะยาว และเป็นความเสี่ยงต่อชีวิตของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





