Home
|
ทั่วไป

สหรัฐทำอะไร ในขณะที่ขอให้ไทย-กัมพูชา ขึ้นโต๊ะเจรจา?

Featured Image
ขอไทย–กัมพูชา หยุดปะทะ ขึ้นโต๊ะเจรจา แต่ในขณะ เดียวกัน ที่น่าจับตา สหรัฐประกาศ ปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดิน เวนาซูเอลา เกิดอะไรขึ้น?

 

จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตาอย่างมาก คือบทบาทของสหรัฐอเมริกา ที่ออกมาเรียกร้อง ให้ทั้งสองฝ่ายยุติการปะทะ และหันมาใช้การเจรจาแก้ไขปัญหาแทนการใช้กำลัง

 

ท่าทีดังกล่าวของสหรัฐฯ รวมถึงคำอธิบายที่ระบุว่า เหตุทหารไทยเหยียบทุ่นเป็นเพียง “อุบัติเหตุ” ทำให้ประชาชนชาวไทยจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจ และตั้งคำถามถึงจุดยืนของมหาอำนาจรายนี้

 

ขณะเดียวกัน ในมิติด้านเศรษฐกิจ นางศุภจี ศุภกิจจารุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า การเจรจาเรื่องภาษีกับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังไม่มีความคืบหน้า ณ เวลานี้

 

อย่างไรก็ตาม นอกจากบทบาทของสหรัฐฯ ในสถานการณ์ไทย–กัมพูชาแล้ว ทั่วโลกยังจับตาความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความตึงเครียดครั้งใหม่กับเวเนซุเอลา ซึ่งถูกมองว่าอาจส่งแรงกระเพื่อม ต่อความมั่นคงด้านพลังงานและเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์

 

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐฯ ได้เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา โดยระบุว่า เป็นเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่มาก และจะเก็บเรือลำดังกล่าวไว้

 

ขณะที่ยังไม่มีการเปิดเผยว่า เรือดังกล่าวเป็นของประเทศใด หรือจะส่งผลกระทบ ต่ออุปทานน้ำมันโลกมากน้อยเพียงใด ท่ามกลางความกังวลว่า เหตุการณ์นี้ อาจซ้ำเติมความผันผวนของราคาพลังงาน

 

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ “นิโคลัส มาดูโร” ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ลงจากตำแหน่ง โดยมองว่า รัฐบาลเวเนซุเอลาขาดความชอบธรรม และมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ

 

ขณะที่ฝ่ายเวเนซุเอลาออกมาโต้ตอบ โดยระบุว่า การยึดเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าว เป็นการ “โจรกรรมซึ่งหน้า” และเข้าข่ายโจรสลัดระหว่างประเทศ พร้อมย้ำว่าจะปกป้องอธิปไตยและทรัพยากรของประเทศ

 

ก่อนหน้านี้ กองทัพสหรัฐฯ เคยดำเนินปฏิบัติการสกัดกั้นเรือที่เชื่อว่าเกี่ยวข้อง กับการลักลอบขนสิ่งเสพติดในทะเลแคริบเบียน โดยอ้างว่า เวเนซุเอลาเป็นหนึ่งในเส้นทางหลัก

 

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเคยกล่าวหาว่า นิโคลัส มาดูโร ปล่อยนักโทษและผู้ป่วยจิตเวชออกนอกประเทศ ส่งผลให้มีผู้อพยพหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐฯ

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ทรัมป์ออกมาเปิดเผยว่า นับตั้งแต่กองทัพสหรัฐฯ ดำเนินปฏิบัติการ “ต่อต้านยาเสพติด” ในน่านน้ำสากลของทะเลแคริบเบียน ใกล้กับเวเนซุเอลา อัตราการลักลอบขนทางทะเลจากเวเนซุเอลาลดลงถึง 92%

 

และยังระบุด้วยว่า ปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินเพื่อปราบปรามในเวเนซุเอลา “จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายหรือขอบเขตของปฏิบัติการไว้

 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศมาตรการปิดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันทุกลำที่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร ไม่ให้เข้าออกประเทศเวเนซุเอลา ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง

 

โดยในโพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล ทรัมป์ระบุว่า รัฐบาลของนิโคลัส มาดูโร เป็น “รัฐบาลก่อการร้ายต่างชาติ” พร้อมกล่าวหา ผู้นำเวเนซุเอลา

 

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงท่าทีแข็งกร้าวของสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขยายไปสู่เวทีโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคลาตินอเมริกา ที่อาจกลายเป็นชนวนความตึงเครียดครั้งใหม่ ซึ่งทั่วโลกกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube