กองทัพ ย้ำจุดยืนตอบโต้เขมรตามสัดส่วน ไม่เกินเหตุ
กองทัพไทย ย้ำจุดยืนตอบโต้เขมรตามสัดส่วน ไม่เกินเหตุ แยกเป้าหมายการโจมตีทางการทหารออกจากประชาชนชัดเจน ต่างจากเขมรใช้อาวุธหวังทำลายทรัยพ์สินประชาชน-ละเมิดกฎสิทธิมนุษยชน ด้านผู้ช่วย ผบ.ทอ. ยังไม่ยืนยันตัวเลขกำพลบาดเจ็บ-เสียชีวิต โยน สธ. รายงานเย็นนี้
ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา โดยพลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสรุปสถานการณ์ภาพรวม เหตุการณ์ปะทะกันของทหารไทยและกัมพูชา โดยได้ย้ำถึงจุดยืน 5 ข้อของประเทศไทย ได้แก่
1. ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่มในการรุกรานหรือการปฏิบัติการทางทหาร หากแต่เป็นฝ่ายกัมพูชาที่เป็นผู้ริเริ่มในการรุกรานเข้ามามายังประเทศไทยทำให้ประเทศไทยต้องกระทำการปกป้องอธิปไตยของตัวเอง
2. ในการปฏิบัติการทางการทหารที่ผ่านมา ประเทศไทยดำเนินการอยู่ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ โดยยึดสิทธิในการป้องกันตนเอง
3. พลเรือนต้องปลอดภัยเป็นเป้าหมายสูงสุด
4. การดำเนินการครั้งนี้ของทัพไทย เป็นทางเลือกสุดท้ายในการปฏิบัติการ ไม่ใช่ทางเลือกแรก
5.ประเทศไทยยึดถือสันติภาพ แต่จะไม่ยอมให้ใครมาละเมิดอธิปไตย โดยใช้กำลังเท่าที่จำเป็นและได้สัดส่วน ไม่เกินกว่าเหตุ ที่สำคัญการ คือการแยกแยะเป้าหมายทางทหารทและพลเรือน ซึ่งต่างจากรูปแบบการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่ใช้อาวุธที่ส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน
นอกจากนี้ ทางกองทัพยังมุ่งปกป้องอธิปไตยของไทย ไม่ให้เกิดการรุกราน และต้องการลิดลอนขีดความสามารถของกองกำลังฝ่ายกัมพูชาไม่ให้สามารถโจมตียังเป้าหมายของไทยได้ โดยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของประชาชน
และจะพยายามลดผลกระทบต่อพลเรือนให้มากที่สุด พร้อมได้เน้นย้ำว่า ประเทศไทยต้องการสันติภาพ แต่ต้องมาพร้อมกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนเป็นสำคัญ
ส่วนสถานการณ์ที่ผ่านมา ยืนยันว่า มีการปะทะตลอดแนวชายแดน 7 จังหวัด โดยจะสังเกตเห็นได้ว่าเหตุการณ์ปะทะทั้งหมดส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนของพี่น้องประชาชน จนต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิง กว่า 400,000 คน และมีนักเรียน นักศึกษา ที่ไม่สามารถไปเรียนหนังสือได้ เนื่องจากสถานศึกษาต้องปิดหารเรียนการสอน เพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนกว่า 700 แห่ง
ซึ่งในการปฏิบัติงานของกองทัพ ก็ได้ส่งหน่วยตำรวจไปพิทักษ์รักษาทรัพย์สินของประชาชนที่จำเป็นต้องอพยพจากพื้นที่ รวมถึงสัตว์เลี้ยงที่ชาวบ้านจำเป็นต้องทิ้งไว้เบื้องหลังด้วย
ขณะที่พลอากาศเอก ประภาส สอนใจดี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนภายหลังการแถลงข่าวว่า ในส่วนของยอดกำลังพลทหารที่ผู้เสียชีวิต
ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุอย่างเป็นทางการได้ เนื่องจากสถานการณ์อยู่ระหว่างการสู้รบกันอย่างต่อเนื่อง บางคนอยู่ในสถานะผู้บาดเจ็บ จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รายงานยอดอย่างเป็นทางการก่อน เพราะนี่ถือเป็นเรื่องของขวัญกำลังใจของกำลังพลด้วย
ส่วนเรื่องของสรรพกำลังของกัมพูชาที่ถูกทหารทำลายไปมากน้อยเท่าไหร่นั้น ขณะนี้ยังตอบได้ยาก เพราะไม่รู้ว่าฝั่งของกัมพูชา มีการซุกซ่อนอาวุธสรรพกำลังไว้ที่ไหนบ้าง แต่ทหารไทยก็มีการทำลาย ฐานทัพตามสัดส่วนและความจำเป็น ไม่เกินกว่าเหตุ เพื่อป้องกันการถูกรุกราน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





