ทำไม Disneyland ถึงเมินไทย ? วิเคราะห์ทุกความเป็นไปได้
-
Disneyland (ดิสนีย์แลนด์) เป็นชื่อที่ใช้เรียกสวนสนุกในเครือของThe Walt Disney Company
- เป็นพื้นที่หนึ่งที่รวมทุกอย่างของดิสนีย์ไว้ครบ ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 แห่งทั่วโลก ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย, ฟลอริดา, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, จีน และ ฝรั่งเศส
-
คำถามคือ… ถ้าไทยเป็นประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก ทำไม Disneyland ยังไม่เลือก “ลงหลักปักฐาน” ที่นี่สักที?
ภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมธีมพาร์กระดับโลก
ก่อนจะถามว่า “ทำไมไม่มาไทย” ต้องเข้าใจก่อนว่า Disneyland ไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นแค่สวนสนุก
- Disneyland มองธุรกิจแบบ Ecosystem ทั้งเมือง ไม่ใช่แค่สวนสนุก (สร้างทั้งเมืองให้เกิดรายได้ครบวงจร) ต้องมีโรงแรม รีสอร์ต ร้านค้า ระบบขนส่ง และพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์รอบข้าง
- โครงการหนึ่งใช้เงินลงทุนระดับ หลายแสนล้านบาท เช่น Shanghai Disney Resort ที่ลงทุนกว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และต้องใช้เวลาคืนทุนยาวนานเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งไทยยังไม่มีโครงสร้างระดับนี้ เกิดความเสี่ยงอาจทำให้ประเทศ ขาดดุลการค้า
ปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาคในเอเชีย
หนึ่งในโจทย์หลักของ Disney คือ รายได้ในประเทศต้องใหญ่และเสถียรพอ
-
Disney เลือกประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยสูงและกำลังซื้อสม่ำเสมอ
- เศรษฐกิจต้องใหญ่พอที่จะค้ำรายได้ในประเทศแบบระยะยาว
- ไทยยังมีกำลังซื้อเฉลี่ยต่ำกว่าประเทศที่ดิสนีย์เลือกลงทุน
- ที่ญี่ปุ่นมีกำลังซื้อสูงกว่าไทยหลายเท่า ทำให้ตั้งราคาบัตรระดับพรีเมียมได้
ความคุ้มค่าการลงทุนระยะยาว
Disneyland ไม่ใช่โครงการที่สร้างแล้วคืนทุนในไม่กี่ปี..
-
ระดับการลงทุนของรีสอร์ตหนึ่งแห่ง อยู่ในช่วง หลายแสนล้านบาท และต้องบริหารให้อยู่ได้ยาว ๆ เป็นสิบ ๆ ปี
-
ตลาดไทยต้องพึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเกินไป ทำให้รายได้ไม่เสถียร
- ประเทศที่มีประชากรใช้บริการ “ซ้ำ” ได้เยอะ เช่น ซื้อบัตรรายปี พาลูกไปทุกปี หรือใช้สวนสนุกเป็นทริปของครอบครัวอยู่เรื่อย ๆ
โครงสร้างพื้นฐานและระบบรองรับเมือง
ลองนึกภาพเมืองที่มี Disneyland สักแห่ง…
- ต้องมีระบบขนส่ง mass transit เชื่อมถึงสวนสนุกโดยตรง
- เมืองต้องรองรับผู้เข้าชมหลายหมื่นรายต่อวันแบบต่อเนื่อง
- Tokyo Disney Resort มีสถานีรถไฟเชื่อมตรงถึงสวนสนุก และมีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม และเมืองรอบ ๆ ที่โตอยู่แล้ว
- Shanghai Disney Resort มีสถานีรถไฟใต้ดินเชื่อมเข้าพื้นที่รีสอร์ตโดยตรง รวมถึงถนนสายหลักและโครงการเชิงพาณิชย์รอบ ๆ ที่วางแผนมาพร้อมกันกับสวนสนุก
-
ไทยยังไม่พร้อมทั้งด้านระบบราง การกระจายคน และโครงสร้างรอบพื้นที่
กลยุทธ์ระดับภูมิภาคของ Disney
Disney ไม่ได้เปิดสวนสนุกแบบหว่านทุกประเทศ
- ดิสนีย์ไม่เปิดหลายแห่งในภูมิภาคเดียวกันเพื่อไม่ให้ตลาดทับซ้อน
- เอเชียตะวันออกมีครบแล้ว คือ โตเกียว ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้
-
การเปิดเพิ่มในไทยไม่ช่วยเพิ่มตลาด แต่ทำให้กระจายรายได้ไม่คุ้มค่า
- แน่นอนเลยว่าลูกค้าจากอาเซียนจำนวนมากอยู่ในรัศมีเดินทางของฮ่องกงอยู่แล้ว
พฤติกรรมผู้บริโภคและกำลังซื้อในไทย
ประสบการณ์แบบดิสนีย์ เป็นสินค้า ระดับพรีเมียม
- ราคาบัตรแบบ 1 วัน ถ้าเทียบกับรายได้เฉลี่ยของไทยแล้วถือว่าสูงมาก
- ฐานผู้บริโภคไทยจำนวนมากนิยมบินไปญี่ปุ่นเพื่อประสบการณ์ “ของจริง” มีกำลังจ่ายไหว
ลองมองพฤติกรรมจริง ๆ รอบตัวเรา
- คนที่รักดิสนีย์ส่วนใหญ่เก็บเงินไป Tokyo Disney หรือ Hong Kong Disneyland เพราะรู้สึกว่าได้เที่ยวต่างประเทศด้วย
- ถ้า Disneyland ในไทย แต่ราคาบัตรใกล้เคียงกับญี่ปุ่น/ฮ่องกง หลายคนอาจคิดว่า “ไหน ๆ จ่ายแพงแล้ว ขอบินไปญี่ปุ่นเลยดีกว่า ได้ทั้งดิสนีย์ และบรรยากาศญี่ปุ่นให้มันครบจบในทริปเดียว”
ค่าเงิน ต้นทุนก่อสร้าง และโครงสร้างราคา
อีกมุมที่คนไม่ค่อยพูดถึง คือ “ความเสี่ยงด้านการเงิน”
- วัสดุ เครื่องเล่น และเทคโนโลยีส่วนใหญ่ต้องนำเข้า ทำให้ต้นทุนสูง
- การผันผวนของค่าเงินส่งผลโดยตรงต่อการบริหารต้นทุน หากค่าเงินบาทอ่อนค่า ต้นทุนก่อสร้างสามารถพุ่งขึ้นทันทีหลายพันล้าน
- การสร้างและบริหาร Disneyland ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ทั้งด้านก่อสร้าง การบริการในสวนสนุก โรงแรม และร้านค้าต่าง ๆ
-
อัตราการจ้างงานในไทยต้องรองรับจำนวนพนักงานหลายพันคน พร้อมทักษะเฉพาะด้าน ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับโครงการระดับนี้
ภาพแสดงพื้นที่สวนสนุก Disneyland ที่ USA.
สรุปในมุมผู้เขียน
-
Disneyland ต้องการเมืองที่รองรับทั้งระบบ ไม่ใช่แค่สวนสนุก ต้องมีโรงแรม ร้านค้า ระบบขนส่ง และพื้นที่พาณิชย์ครบวงจร ไทยยังไม่พร้อมในระดับนี้
-
การลงทุนสูงและคืนทุนช้า โครงการใช้เงินหลายแสนล้านบาท และคืนทุนหลายสิบปี ตลาดไทยยังมีกำลังซื้อไม่เพียงพอ
-
โครงสร้างพื้นฐานไม่พร้อม ระบบขนส่งและการรองรับผู้เข้าชมหลายหมื่นคนต่อวันยังไม่เพียงพอ
-
ความเป็นไปได้ในอนาคตของไทย ไทยมีความได้เปรียบด้านนักท่องเที่ยวจำนวนมากแต่ยังขาดโครงสร้างเมืองที่จะเป็น ศูนย์กลางแบบ “ซุปเปอร์ฮับ” ได้ เพราะตลาดภายในไม่ใหญ่พอรองรับโครงการระดับดิสนีย์ และที่สำคัญ จำนวนของผู้ที่พร้อมจ่ายบัตรเข้าในราคาพรีเมียมยังมีจำกัด
ในมุมของผม ในฐานะคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการอ่านโครงสร้างเศรษฐกิจ–การเงิน การศึกษาเคสของ Disneyland ไม่ได้สะท้อนแค่ความฝันของคนอยากเที่ยวสวนสนุก แต่เป็นตัวอย่างเคสจริง ว่าประเทศหนึ่งจะต้องยกระดับ เศรษฐกิจ เมือง และกำลังซื้อของคนในประเทศ ขนาดไหน ถึงจะดึงดูดโปรเจกต์ระดับโลกให้เข้ามาลงทุนได้จริง
อ้างอิง
- ทำไม Disneyland ถึงไม่เปิดที่ ประเทศไทย
- https://www.longtungirl.com/1240
- ทำไม Disneyland ถึงยังไม่มาเปิดในประเทศไทย
- https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/501513
- Thailand still has a chance. Is it your own “Disneyland”?
- https://en.moneyandbanking.co.th/2024/109301/
บทความนี้เขียนโดย
ปกรณ์เกียรติ พูลสุข — นักเขียนและนักวิเคราะห์ตลาดการเงิน ประจำเว็บไซต์ thaibrokerforex.com
มีประสบการณ์ในตลาด Forex และการลงทุนกว่า 12 ปี เชี่ยวชาญการมองภาพใหญ่ของตลาดเงิน–ตลาดทุนอ่าน ถ้าคุณสนใจมุมคิดมองโลกเศรษฐกิจและการเทรด สามารถอ่านงานเขียนทั้งหมดของผมได้ที่ คลิก!





