Home
|
ข่าว

พรรคประชาชน จี้ “รัฐบาลอนุทิน” แจงด่วน ปมเร่งรับซื้อไฟฟ้า

Featured Image
พรรคประชาชน จี้ “รัฐบาลอนุทิน” แจงด่วน ปมเร่งรับซื้อไฟฟ้า เพิ่มกว่า 3,600 เมกะวัตต์ ทั้งที่ไฟฟ้าสำรองล้นระบบ สงสัยหวังเติมกระสุนก่อนเลือกตั้ง ชี้วงจร “แจกโรงไฟฟ้า” เอื้อทุนเกิดซ้ำก่อนเลือกตั้งมาแล้ว 3 ครั้ง ซัดสุดท้ายประชาชนต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้น

 

นายวรภพ วิริยะโรจน์ และ นายศุภโชติ ไชยสัจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวตั้งคำถามถึงรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ภายหลังมีมติเร่งรัดการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ทั้งในโครงการ RE Big Lot และโซลาร์ฟาร์มชุมชน รวมมากกว่า 3,600 เมกะวัตต์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

 

โดยทั้งคู่ชี้ว่า ประเทศไทยมีปริมาณไฟฟ้าสำรองล้นระบบอยู่แล้ว การเดินหน้าเซ็นสัญญารับซื้อเพิ่มจึงไม่มีเหตุผลทางเทคนิค รองรับได้เพียงข้อสงสัยว่าอาจเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มทุนหรือกลุ่มการเมืองมากกว่าประชาชน

 

นายศุภโชติ ระบุว่า โครงการ RE Big Lot ขนาด 2,100 เมกะวัตต์เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ยุครัฐบาลก่อน ซึ่งเคยมีมติให้ชะลอการรับซื้อเนื่องจากราคารับซื้อไฟฟ้าสูงเกินความเป็นจริง และควรเจรจาปรับลดราคา แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเป็นรัฐบาลอนุทิน กลับมีมติ “เดินหน้าต่อในราคาเดิม” ที่ 2.1679 บาทต่อหน่วย โดยไม่ลดลงแม้แต่สตางค์เดียว

 

ทั้งที่ต้นทุนแผงโซลาร์ทั่วโลกลดลงอย่างมากในปัจจุบัน นั่นหมายถึงการผูกประเทศไว้กับต้นทุนแพงไปยาวนานกว่า 25 ปี ซึ่งภาระทั้งหมดจะย้อนกลับมาในรูปค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องแบกรับเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมติรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มอีก 1,500 เมกะวัตต์ในชื่อ “โซลาร์ฟาร์มชุมชน” แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าชุมชนจะมีบทบาทบริหารหรือได้รับประโยชน์จริงเพียงใด ขณะที่โครงสร้างโครงการถูกวิจารณ์ว่ายังเป็นการลงทุนของทุนใหญ่เหมือนเดิม อีกทั้งราคารับซื้อถูกตั้งไว้สูงถึง 2.25 บาทต่อหน่วย แพงกว่า RE Big Lot เสียอีก ส่วนต่างเพียง 8 สตางค์ต่อหน่วย แม้ดูเล็กน้อย แต่เมื่อคิดรวมในระบบไฟฟ้าทั้งประเทศ จะกลายเป็นภาระที่ผลักภาระตรงไปยังประชาชนผู้ใช้ไฟทุกคน

 

ด้านนายวรภพ ระบุว่า ปรากฏการณ์การเร่งอนุมัติการรับซื้อไฟฟ้าก่อนการเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 มีการอนุมัติโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่รวม 1,940 เมกะวัตต์ให้เอกชนโดยไม่มีการเปิดประมูล ก่อนการเลือกตั้งปี 2566

 

ก็มีการประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกโครงการ RE Big Lot รวม 5,200 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ชุมชนอีก 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งล่าสุดมาอนุมัติซ้ำในเดือนตุลาคม 2568 ทำให้ถูกมองว่าเป็น “หนังม้วนเดิม” ที่เกิดขึ้นแทบทุกครั้งก่อนการเลือกตั้งใหญ่

 

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า พฤติกรรมเช่นนี้สะท้อนวงจรการเมืองด้านพลังงานที่เกิดซ้ำซาก คือการอนุมัติโรงไฟฟ้าหรือสัญญารับซื้อไฟให้แก่กลุ่มทุนที่มีบทบาทสนับสนุนทางการเมืองในช่วงใกล้การเลือกตั้ง ซึ่งเป็นวงจรที่ดำเนินมาแทบทุกยุคทุกสมัย ขณะที่ประชาชนซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นเป็นระยะเวลานานหลายสิบปี

 

พรรคประชาชน จึงตั้งคำถามสำคัญต่อรัฐบาลอนุทินว่า การเร่งรับซื้อไฟฟ้าครั้งนี้เกิดขึ้นจาก “ความจำเป็นทางพลังงาน” หรือ “ความจำเป็นทางการเมือง” กันแน่ โดยเฉพาะเมื่อระบบไฟฟ้าของประเทศมีไฟฟ้าสำรองมากเกินความต้องการอยู่แล้ว

 

การเดินหน้าโครงการใหม่ในราคารับซื้อที่สูงจะยิ่งทำให้ประชาชนต้องแบกต้นทุนค่าไฟเพิ่ม อีกทั้งยังทำให้ประเทศไทยเสียความสามารถในการแข่งขันกับประเทศในภูมิภาคที่สามารถผลิตไฟฟ้าสะอาดได้ในราคาถูกกว่าและมีความโปร่งใสกว่า

 

พรรคประชาชน ย้ำว่า หากรัฐบาลเดินหน้าเช่นนี้ “Quick Big Win” ที่ประกาศไว้จะไม่ใช่ชัยชนะของประชาชน แต่เป็น “Quick Big Win ของกลุ่มทุนพลังงาน” ขณะที่ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือก พรรคจึงเสนอให้รัฐบาลชะลอการลงนามสัญญาโครงการใหม่ทั้งหมด

 

จนกว่าจะมีการทบทวนแผนพลังงาน PDP ฉบับใหม่อย่างโปร่งใส และปรับระบบรับซื้อไฟฟ้าให้เป็นธรรม เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่ากลุ่มทุนรายใหญ่

 

พรรคประชาชน ทิ้งท้ายด้วยคำถามที่อยากให้รัฐบาลตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า การรับซื้อไฟฟ้ารอบนี้ “ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนจริง หรือเป็นการเตรียมทุนสำหรับการเมืองในอนาคต”

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube