รองจเรตำรวจฯ โต้กลับ “บิ๊กโจ๊ก” ปมบัญชีม้า
วันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ แถลงชี้แจงอย่างละเอียด กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงข่าว และให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า การใช้ “บัญชีม้า” เป็นเรื่องปกติในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า การใช้บัญชีม้าเป็นเครื่องมือสำคัญของอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และการฟอกเงิน การใช้บัญชีม้าเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน และไม่เคยเป็นเรื่องปกติในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การกล่าวอ้างว่าการใช้บัญชีม้าเป็นเรื่องปกติ จึงไม่เป็นความจริงและเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง
รองจเรตำรวจฯ ชี้ว่า บุคคลที่ออกมากล่าวหาเองมีประวัติการใช้บัญชีม้าหลายบัญชีเพื่อรับเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันและเงินที่ไม่ทราบแหล่งที่มา ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ผู้กล่าวหาเองทราบดี เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งสูงสุด ในวงการตำรวจ การนำประเด็นบัญชีม้ามาโจมตีตำรวจ
จึงสะท้อนถึงตัวผู้กล่าวหาเองมากกว่า“พ่อบ้าน” ของอดีตรอง ผบ.ตร. ก็มีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าเช่นกัน ซึ่งตำรวจทุกคนทราบดีว่าการใช้บัญชีม้าในลักษณะนี้ เข้าข่ายความผิดทางอาญา รองจเรตำรวจฯ จึงเรียกร้องให้ประชาชนและสื่อมวลชนพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน ไม่ควรเชื่อเพียงคำกล่าวอ้างด้านเดียว แต่ต้องยึดหลักพยานหลักฐานในสำนวนคดี
เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ลูกน้องอดีตรอง ผบ.ตร.ถูกจับกุม พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ศาลได้ตัดสิน “ยกคำร้อง” เป็นที่สิ้นสุดแล้ว แต่ข้อมูลนี้กลับไม่ได้ถูกนำเสนอในสื่อ ทำให้ประชาชนเห็นภาพเพียงด้านเดียว เขาย้ำว่า เหตุการณ์ทั้งหมดไม่ใช่ความขัดแย้งภายในองค์กรตำรวจ แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกับผู้ต้องหา
ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิให้การปกป้องตนเอง แต่การนำข้อมูลไปพูดผ่านสื่อในลักษณะชี้นำสาธารณะ ต้องรับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดขึ้นรองจเรตำรวจฯ ยังเปิดเผยถึงการไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐว่า หนังสือเชิญเดิมมอบให้ ผบ.ตร. แต่ได้รับมอบหมายไปแทน และพบว่ารูปแบบการถามตอบ บางช่วงมีความเสี่ยงต่อสำนวนคดี โดยเฉพาะการถ่ายทอดสด
เปิดให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ต้องหาและพยานในคดีเดียวกันเผชิญหน้ากับตำรวจ ซึ่งควรเกิดในศาล ไม่ใช่เวทีรัฐสภา เพราะอาจกระทบต่อพยาน พนักงานสอบสวน และทิศทางของคดีโดยตรง
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยอมรับว่ารู้สึกกังวล เพราะรูปแบบดังกล่าว หากผิดทิศทาง อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณะ “สงครามข้อมูลข่าวสาร” ทำให้สังคมเข้าใจผิดและส่งผลเสียต่อข้อเท็จจริงในคดีที่ยังดำเนินอยู่ แต่ยืนยันว่าไม่ได้หวาดกลัวต่อการชี้แจงใดๆ เพราะหากไม่ไปตอบอาจเกิดความเสียหายมากกว่า และถูกมองว่าปฏิเสธการตรวจสอบ
รองจเรตำรวจฯ ย้ำว่า หน้าที่ของตนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือรักษากฎหมาย ป้องกันไม่ให้กระบวนการยุติธรรมเสียหายจากข้อมูลที่ถูกบิดเบือน และขอให้ประชาชนสื่อสารข้อมูลด้วยความรอบคอบ เชื่อพยานหลักฐาน ไม่ใช่คำกล่าวอ้างเพียงด้านเดียว
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังระบุว่า การประชุม กมธ. รอบถัดไป หากพบว่ารูปแบบการชี้แจงไม่ปลอดภัยต่อสำนวนคดี หรือเปิดช่องให้ผู้ต้องหาสร้างความได้เปรียบในเวทีสาธารณะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจต้องหารือกับ กมธ. และรัฐสภาก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย แต่ยืนยันว่าเคารพต่อ กมธ. และระบอบประชาธิปไตย และพร้อมชี้แจงอย่างเต็มที่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





