Home
|
ไลฟ์สไตล์

หนังศีรษะลอก คัน หรือมีรังแคบ่อยๆ เช็กเลย อาจเป็นสัญญาณเชื้อราบนหนังศีรษะ

Featured Image

เคยรู้สึกว่าหนังศีรษะคันบ่อย ๆ ลอกเป็นขุย หรือรังแคไม่หายสักทีไหม? บางทีอาจไม่ได้เป็นแค่รังแคธรรมดานะ แต่เป็น เชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งถ้าไม่จัดการให้ถูกต้อง อาจทำให้ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือผมบางได้

บทความนี้เราจะเล่าให้เข้าใจง่าย ๆ ตั้งแต่เชื้อราบนหนังศีรษะสาเหตุเกิดจากอะไร ใครเสี่ยง ทำไมเกิดขึ้น อาการแบบไหน วิธีรักษา และป้องกันยังไง แบบไม่ยัดศัพท์แพทย์มากเกินไป อ่านจบคุณก็รู้เรื่องครบแน่นอน

เชื้อราบนหนังศีรษะ คืออะไร?

เชื้อราบนหนังศีรษะ เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Dermatophytes เรียกง่าย ๆ ว่าเชื้อราที่ชอบกินผิวหนังเรานั่นละ ซึ่งมันจะไปอยู่บนผิวหนังและเส้นผม ทำให้หนังศีรษะเกิดอาการ แดง, คัน, ลอกเป็นขุย และทำให้ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ ซึ่งความร้ายกาจของมันคือติดต่อได้ง่ายเอามาก ๆ ผ่านการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เช่น หมวก หวี หรือหมอน เป็นต้น

อาการบ่งบอกว่าเป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ

อาการเชื้อราบนหนังศีรษะมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะเวลาที่ติดเชื้อ ดังนั้นควรเช็กจากอาการเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีที่สุด

  • คันหัวบ่อย ๆ

เป็นสัญญาณแรก ๆ ที่หลายคนมักมองข้าม ตอนแรกอาจรู้สึกคันเล็กน้อย แต่พอเกาก็ยิ่งคันหนักขึ้น จนบางครั้งมีสะเก็ดหรือแผลเล็ก ๆ ตามมา

  • หนังศีรษะลอกหรือรังแคหนักขึ้น

ขุยสีขาวหรือสีเทาเริ่มเห็นชัด โดยเฉพาะเวลาสางผมหรือใส่เสื้อสีเข้ม จะเห็นลอกเป็นแผ่น ๆ คล้ายรังแคทั่วไป แต่รักษายังไงก็ไม่หาย เพราะจริง ๆ แล้วมันคือเชื้อราแฝงอยู่

  • ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ

เห็นเป็นวงชัดเจนจนเริ่มตกใจ ผมบริเวณนั้นบางลงหรือหายไปเลย เพราะเชื้อราทำลายรากผมจนผมไม่สามารถงอกขึ้นใหม่ได้ตามปกติ

  • หนังศีรษะแดงหรืออักเสบ

บางรายอาจมีอาการอักเสบร่วมด้วย รู้สึกแสบ ๆ ร้อน ๆ หรือเจ็บเวลาสัมผัส สังเกตได้จากหนังศีรษะเริ่มแดง บวม หรือมีรอยเกาเป็นแผล

  • ตุ่มหนองหรือสะเก็ดหนา

เจอบ่อยในเด็กหรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ เชื้อราทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงจนมีตุ่มหนองขึ้น และสะเก็ดหนาจับแน่นบนหนังศีรษะ หากปล่อยไว้อาจลุกลามและทำให้ผมร่วงถาวรได้

ถ้าเริ่มสังเกตว่าผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือหนังศีรษะแดง ลอกมากขึ้น แนะนำพบแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยทันที อย่าปล่อยให้เชื้อราลุกลาม เพราะยิ่งรักษาเร็ว ก็ยิ่งฟื้นฟูหนังศีรษะและเส้นผมได้ง่ายกว่าเดิมมาก

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อรา

เชื้อราบนหนังศีรษะเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การดูแลผมไม่เหมาะสม ไปจนถึงสุขภาพร่างกายที่อยู่ในช่วงอ่อนแอ ภูมิตก ซึ่งล้วนเป็นช่องทางให้เชื้อราเติบโตได้ง่าย

1.การติดต่อจากคนหรือสัตว์

เด็ก ๆ หรือคนที่เล่นกับสัตว์เลี้ยงอาจติดเชื้อได้ง่าย เพราะเชื้อราสามารถแพร่ผ่านการสัมผัสโดยตรง หรือแม้แต่การใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น หวี หมวก หรือผ้าเช็ดตัว ก็มีโอกาสติดเชื้อได้โดยไม่รู้ตัว

2.การจัดการสุขอนามัยที่ไม่ดี

ถ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยสระผม หรือละเลยการทำความสะอาดหนังศีรษะนาน ๆ เหงื่อและความมันจะสะสมจนกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนหรือหลังออกกำลังกาย

3.หนังศีรษะมัน หรือชื้นเกินไป

อาการหัวมันเยิ้ม อาจเกิดจากการชอบสวมใส่หมวกที่แน่นเกินไป หรือใส่แล้วไม่ค่อยถอดออก ใส่ตลอดเวลา แน่นอนจะเกิดความอับชื้น เป็นตัวการที่เชื้อราชอบเอามาก ๆ เลย หรือใครที่สระผมแล้วไม่ชอบเป่าผมให้แห้ง ทิ้งให้ผมเปียกนาน นี่ก็สาเหตุพาเชื้อรามาสู่หนังศีรษะเลยนะ

4.ภูมิคุ้มกันต่ำ

ร่างกายอ่อนแอ หรือใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาโรคเรื้อรัง หรืออยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการเจ็บป่วย ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เชื้อราง่ายต่อการเจริญเติบโตและลุกลามบนหนังศีรษะ

5.เด็กเล็ก หรือกลุ่มอายุน้อยกว่า 12 ปี

เด็กเล็กมักพบเชื้อราบนหนังศีรษะบ่อยกว่าผู้ใหญ่ เพราะระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่ และมักมีพฤติกรรมเล่นกลางแจ้งหรือสัมผัสสัตว์เลี้ยงโดยตรง

แม้เชื้อราบนหนังศีรษะจะไม่ถึงกับอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดผมร่วงถาวร แผลติดเชื้อซ้ำ หรือหนังศีรษะเสียสมดุลได้ ดังนั้นอย่ารอให้ลุกลาม รีบเช็กอาการและปรึกษาแพทย์ผิวหนังตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีที่สุด 

 

การวิธีวินิจฉัยว่าเป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ ต้องทำยังไง?

การวินิจฉัยต้องทำโดยแพทย์ผิวหนัง เพื่อแยกให้ออกว่าอาการที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อราจริง ๆ หรือเป็นโรคผิวหนังอื่นที่มีอาการคล้ายกัน เช่น เซ็บเดิร์ม, รังแคธรรมดา หรือสะเก็ดเงิน เพราะแต่ละโรคมีแนวทางรักษาแตกต่างกัน

1.ตรวจเช็กอาการด้วยสายตาเปล่า

แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติและตรวจหนังศีรษะอย่างละเอียด สังเกตลักษณะของรอยแดง ขุยสะเก็ด วงผมร่วง และพื้นผิวหนัง เพื่อประเมินเบื้องต้นว่าเข้ากับลักษณะของเชื้อราหรือไม่

2.ใช้ Wood’s lamp ส่องแสงแยกชนิดเชื้อ

เป็นเครื่องมือแพทย์เพื่อตรวจผิวหนัง เส้นผม และหนังศีรษะ มีลักษณะเป็นหลอดไฟพิเศษที่ให้แสง UV ซึ่งช่วยให้เห็นบริเวณที่ติดเชื้อราบางชนิดเรืองแสงออกมา ทำให้แพทย์สามารถแยกชนิดของเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในรายที่อาการยังไม่ชัดเจน

3.เก็บตัวอย่างขุยหรือเส้นผมไปตรวจในห้องแล็บ

แพทย์จะนำเศษขุยจากหนังศีรษะหรือเส้นผมบริเวณที่ติดเชื้อ ไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือเพาะเชื้อในห้องแล็บ เพื่อยืนยันชนิดของเชื้อราได้อย่างแม่นยำ และเลือกยารักษาให้ตรงจุดที่สุด

การตรวจที่ถูกต้องช่วยให้รู้ชนิดของเชื้อ และเลือกแนวทางรักษาที่เหมาะกับสภาพหนังศีรษะของแต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น เพราะการเดาเอาเองหรือซื้อยามาทาโดยไม่ตรวจ อาจทำให้อาการแย่ลงหรือกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย

วิธีรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะ

1.กินยาต้านเชื้อรา

เพราะเชื้อราอยู่ลึกถึงรากผม เช่น Griseofulvin หรือ Terbinafine ระยะเวลารักษาขึ้นกับความรุนแรง โดยส่วนใหญ่ 4–8 สัปดาห์ ทั้งนี้การกินยาจะต้องอยู่ในความดูแลของคุณหมอ หรือแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ

2.แชมพูยาต้านเชื้อรา

เช่น Ketoconazole หรือ Selenium Sulfide ที่ช่วยลดปริมาณเชื้อราและบรรเทาอาการคันได้ดี ควรใช้สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง โดยฟอกให้ทั่วหนังศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ก่อนล้างออกให้สะอาด การใช้แชมพูยาจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้ด้วย

3.ดูแลของใช้ส่วนตัว

หลีกเลี่ยงการใช้ หวี, หมวก, ผ้าเช็ดตัว หรือปลอกหมอน ร่วมกับอื่น เพราะเชื้อราพวกนี้สามารถติดผ่านสิ่งของได้ง่าย และควรซักและตากของใช้เหล่านี้ให้แห้งสนิทอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังรักษา นอกจากนี้ ควรหมั่นทำความสะอาดหวีหรืออุปกรณ์แต่งผมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำหรือแพร่ไปยังคนในบ้าน

 

การติดตามผลการรักษายังไง ถึงจะรู้ว่าหายสนิท

ปกติแล้วคุณหมอจะนัดตรวจติดตามเป็นระยะ ๆ เพื่อดูว่าเชื้อราบนหนังศีรษะตอบสนองต่อการรักษาดีแค่ไหน โดยจะประเมินทั้งลักษณะของหนังศีรษะ ปริมาณขุย ในบางรายที่ผมร่วงจะดูขนาดวงผมร่วงแคบลงยัง และอาการคันว่าลดลงหรือไม่

หากพบว่าอาการยังไม่ดีขึ้น หรือเชื้อรามีแนวโน้มดื้อยา แพทย์อาจ ปรับเปลี่ยนชนิดยา ปรับขนาดยา หรือแนะนำวิธีการสระผมและดูแลหนังศีรษะใหม่ เพื่อให้การรักษาได้ผลเต็มที่

 

วิธีป้องกันเชื้อราบนหนังศีรษะ ไม่ให้เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ

  • สระผมสม่ำเสมอ: 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์
  • ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับคนอื่น
  • ระบายอากาศให้หนังศีรษะ: หมวกแน่นเกินไป หรือผมเปียกนาน
  • ดูแลสัตว์เลี้ยง ตรวจสุขภาพและความสะอาด
  • คอยสังเกตอาการเด็ก ๆเพราะติดเชื้อได้ง่าย

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เชื้อราบนหนังศีรษะติดต่อไหม?

ติดง่าย ผ่านการใช้ของร่วมกันหรือสัมผัสโดยตรง

ผมร่วงกลับมาเป็นปกติไหม?

ส่วนใหญ่กลับมาเป็นปกติหลังรักษา แต่ถ้าปล่อยนานมาก อาจมีบางจุดผมบางถาวร

สระผมได้ไหมระหว่างรักษา?

สระได้ แนะนำใช้แชมพูยาต้านเชื้อราตามคำแนะนำหมอ

ต้องกังวลเรื่องสุขภาพอื่นไหม?

ปกติถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ไม่มีผลต่อสุขภาพอื่น

สรุป

เชื้อราบนหนังศีรษะ เป็นปัญหาที่ ใกล้ตัวกว่าที่คิด ไม่ว่าคุณจะเด็กหรือผู้ใหญ่ คนที่สุขภาพแข็งแรงก็เสี่ยงติดได้ การสังเกตอาการตั้งแต่แรก เช่น คันหัว ลอกเป็นขุย ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ แล้วรีบปรึกษาแพทย์ จะช่วยให้รักษาได้เร็วและลดความเสียหายของผม

นอกจากนี้ การรักษาความสะอาดและแยกของส่วนตัว รวมถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เชื้อราหายเร็ว และลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ และถ้าเริ่มสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ อย่ารอช้า เพราะจัดการตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่าปล่อยไว้ให้รุนแรง

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube