“รังสิมันต์” ผิดหวัง “นายกฯหนู”ไม่จริงจังปราบสแกมเมอร์
“รังสิมันต์” ผิดหวัง “นายกฯหนู”ไม่จริงจังปราบสแกมเมอร์ จี้ ปลด “ธรรมนัส” พ้น ครม. ชี้ สังคมรับไม่ได้ ลั่นพร้อมยื่นซักฟอก หากฝ่ายค้านเห็นพ้อง ซัดแรง! ชิงยุบสภาหนี คือ “โจรอุ้มโจร”
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร แสดงความผิดหวังต่อท่าทีของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ไม่จริงจังในการแก้ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ ทั้งที่เคยประกาศว่าเป็น “วาระแห่งชาติ”
ทั้งนี้ แม้หลายประเทศจะมีความคืบหน้าในการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ แต่ประเทศไทยกลับ “ขยับน้อยที่สุด” พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจ “เกียร์ว่าง” เพราะมีการเชื่อมโยงถึงผู้มีอำนาจบางกลุ่ม โดยเฉพาะกรณีของ “ปรินซ์กรุ๊ป” ที่ยังไม่มีความคืบหน้า จึงขอเรียกร้องให้นายอนุทิน ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกจากตำแหน่งทันที
โดยชี้ว่าการให้ดำรงตำแหน่งต่อไป จะทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือ เนื่องจากมีข้อสงสัยเรื่องความเชื่อมโยงกับทุนสีเทาและพฤติกรรมที่สังคมไม่อาจยอมรับได้ ดังนั้น ก่อนจะปราบสแกมเมอร์ ต้องเริ่มจาก การปราบรัฐมนตรีสีเทาใน ครม. นี้ก่อน
นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า ข้อมูลที่ กมธ. รวบรวมสามารถใช้ตรวจสอบได้ “ทุกระดับ” ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายพนันออนไลน์ พร้อมเผยว่า มีตำรวจถึงกว่า 200 นายถูกพาดพิงถึง
ส่วนความเป็นไปได้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายรังสิมันต์ ระบุว่า ฝ่ายค้าน “พร้อมเต็มที่” และข้อมูลที่มีสามารถนำไปใช้ในสภาได้ทันที หากพรรคฝ่ายค้านสามารถตกลงร่วมกันได้ ขณะกรณีที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมยุบสภา หากถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายรังสิมันต์ มองว่า แม้เป็นสิทธิทางกฎหมายของนายกรัฐมนตรี แต่ควรพิจารณาผลสะท้อนจากสังคม เพราะหากชิงยุบสภาหนีแรงกดดัน อาจถูกมองว่า “ช่วยเหลือกลุ่มสีเทา” ถ้าคิดยุบสภาหนี ต้องคิดให้ดีว่าใครได้ประโยชน์ แต่ในสายตาประชาชนอาจมองว่าเป็นการ “หนีปัญหา” พร้อมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของรัฐบาล
นายรังสิมันต์ ยกกรณีที่นายชาดา ไทยเศรษฐ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เคยพูดว่า “ตั้งโจรมาปราบโจร” แล้วเปรียบเปรยว่า “ถ้าโจรอุ้มโจร อุ้มโจร อุ้มโจร” ก็เท่ากับอุ้มกันหลายต่อ
นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ที่มีวาระพิจารณาเรื่องการกลั่นแกล้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ที่อาจเกี่ยวพันกับกลุ่มทุนสีเทา โดยระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ได้มายื่นหนังสือต่อ กมธ. แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง ที่ถูกเชิญมาชี้แจงกลับไม่มาเข้าร่วม
“ถ้าไม่กล้าชี้แจง หนีการตรวจสอบ องค์กรตำรวจจะยิ่งเสียหาย ประชาชนจะตั้งคำถามว่าคนที่ทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรคือใคร” พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจทั่วประเทศตั้งคำถามกับผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่กับฝ่ายการเมือง
สำหรับความเห็นของ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ระบุว่า “องค์กรตำรวจเป็นแก๊งอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด” ว่า แม้ตนไม่เชื่อทั้งหมด แต่ก็ยอมรับว่าระบบภายในมีปัญหาจริง และเอื้อต่อการเติบโตของตำรวจที่ไม่ดีในระบบ ขณะเดียวกันยังยกตัวอย่างตำรวจน้ำดีอย่าง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ที่กล้ายืนหยัดในความถูกต้อง
ดังนั้น การปฏิรูปตำรวจต้องเกิดขึ้นจริงในรัฐบาลต่อไป เพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ในยุคของนายอนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมย้ำว่า “องค์กรตำรวจต้องกลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชน ทำดีต้องได้ดี” คือเป้าหมายที่สังคมควรเดินไปให้ถึง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





