ขึ้นอีกแล้ว! รถไฟฟ้าสีเขียว สะเทือนคนกรุง?
วิบากกรรมคนเมือง รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ปรับราคาค่าโดยสารใหม่แล้ว จากเดิมเริ่มต้น 15 บาท เป็น 17 บาท และขึ้นตามระยะทาง สูงสุดไม่เกิน 45 บาท
แต่ถ้าใครต้องนั่งข้ามระหว่าง “สายหลัก” กับ “ส่วนต่อขยาย”ตอนนี้จะต้องจ่ายรวม สูงสุดถึง 65 บาท จากเดิม 62 บาท
ฝั่งบีทีเอสบอกว่า การปรับราคาครั้งนี้ เพื่อสะท้อนต้นทุนจริง และช่วยลดภาระขาดทุนของระบบ แต่ทางทีดีอาร์ไอ หรือสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยมองต่างเขาบอกว่า คนโดยสารแทบทุกกลุ่มจะต้องจ่ายแพงขึ้น โดยเฉพาะเส้นที่ต้องข้ามระหว่างสายหลักกับส่วนต่อขยายเพราะเกิด “ค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน” บนเส้นทางเดียวกัน
ด้านสภาผู้บริโภคเผยว่า ผู้ใช้บริการกว่า 3.8 แสนคนต่อวัน โดยเฉพาะคนทำงานและนักศึกษา จะได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ บางเส้นทางค่าเดินทางอาจเพิ่มขึ้นถึง สามเท่า
แม้รายได้ของกรุงเทพฯ จะเพิ่มขึ้นราว 3,600 ล้านบาทต่อปี แต่สุดท้ายภาระก็กลับมาตกที่ประชาชน โดยเฉพาะในช่วงค่าครองชีพพุ่งแบบนี้
นักวิชาการยังเตือนด้วยว่า การขึ้นราคาครั้งนี้ อาจทำให้หลายคนหันไปใช้รถเมล์ หรือรถส่วนตัวแทน และอีกหนึ่งประเด็นสำคัญค่ะ การปรับราคาครั้งนี้ ยังมีเบื้องหลังจากปัญหาหนี้ค้างชำระระหว่าง กรุงเทพมหานคร กับบริษัทบีทีเอสซึ่งมีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท จากการรับจ้างเดินรถ และค่าก่อสร้างส่วนต่อขยาย ทำให้ภาครัฐและเอกชนยังเจรจากันไม่ลงตัว
และภาระสุดท้ายอาจถูกผลักมาที่ผู้โดยสาร ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าภาระเหล่านี้ อาจถูกผลักมาให้ประชาชนต้องจ่ายแทนในที่สุด และสุดท้าย ปัญหารถติด มลพิษ และอุบัติเหตุในกรุงเทพฯอาจกลับมาหนักกว่าเดิมอีกครั้งค่ะ
ในระยะสั้น มีข้อเสนอให้ปรับค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยใช้ “โมเดลค่าโดยสารร่วม” ที่ไม่คิดค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน และถือว่าการเดินทางตลอดเส้นทางเป็นระบบเดียวกัน
โดยคงเพดานค่าโดยสาร สูงสุดไว้ที่ 65 บาท มาตรการนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้โดยสารระยะใกล้ ขณะเดียวกันผู้โดยสารระยะไกลยังคงจ่ายค่าโดยสารตามระยะทางในระดับที่เหมาะสม
ในระยะยาว หากมีการจัดทำระบบค่าโดยสารร่วมแบบสมบูรณ์ (Integrated Fare System) ภาครัฐอาจพิจารณาเฉลี่ยค่าแรกเข้าประมาณ 17 บาท ระหว่าง BTS และ กทม. ตามสัดส่วนของ จำนวนสถานี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้รับรายได้อย่างเป็นธรรม และผู้โดยสารไม่ต้องแบกรับภาระเกินจริง
นี่ก็เป็นแนวทางที่เสนอไปนะคะ แม้การขึ้นราคาครั้งนี้จะเพิ่มรายได้กรุงเทพมหานครราว 3,500 – 3,700 ล้านบาทต่อปี แต่รายได้ดังกล่าวสร้างภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มให้ประชาชนโดยตรง ซึ่งไม่เป็นธรรมในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและค่าครองชีพสูงในปัจจุบัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





