Home
|
ข่าว

“โรม” อยากฟังจากปาก “ธรรมนัส–นฤมล”สัมพันธ์ “เบน สมิธ”

Featured Image
“โรม” อยากฟังจากปาก “ธรรมนัส–นฤมล”สัมพันธ์ “เบน สมิธ” ยันไม่ได้จงใจโจมตี แต่ต้องการข้อเท็จจริง สงสัยช่วยเหลือเกินเหตุ เตรียมเปิดเอกสาร 48 หน้า แฉขบวนการฟอกเงิน–เว็บพนันโยงรัฐ–เอกชน ชี้ “ทุนเทา” ยึดประเทศ แรงถึงขั้นทำให้เกิดความขัดแย้งไทย–กัมพูชา

 

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย การปฏิรูปประเทศ และยุทธศาสตร์ชาติ กล่าวถึงวาระการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ว่า วันนี้จะมีการสอบข้อเท็จจริงกรณีความเชื่อมโยงของนายเบนจามิน
เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ “เบน สมิธ” กับขบวนการคอลเซ็นเตอร์และการฟอกเงิน ซึ่งกำลังขยายตัวในหลายจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนด้านจังหวัดตราด

 

ในวาระแรก กรรมาธิการได้เชิญตัวแทนหน่วยงานด้านความมั่นคงและการเงิน อาทิ ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจไซเบอร์ ก.ล.ต. ธนาคารแห่งประเทศไทย และกองทัพเรือ เพื่อรายงานความคืบหน้าในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเครือข่ายฟอกเงินที่มีมูลค่ามหาศาลระดับข้ามชาติ

 

วาระที่สอง จะพิจารณาเฉพาะกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรฯ และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า มีความเชื่อมโยงกับนายเบน สมิธ โดยนายรังสิมันต์ ย้ำว่า กรรมาธิการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
และอยากฟังคำชี้แจง “จากปากของทั้งสองคนโดยตรง” ไม่ใช่ผ่านตัวแทน โดยตนไม่ได้มีเจตนาโจมตีใคร แต่ต้องการข้อเท็จจริงเท่านั้น สิ่งที่สงสัย คือ ทำไม ร.อ.ธรรมนัส ถึงช่วย นายเบน สมิธ มากขนาดนี้ ถ้าท่านมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ ตนก็พร้อมรับฟัง
เพราะกรรมาธิการคือกลไกของสภา ที่ต้องการหาความจริงให้กับประชาชน

 

ขณะเดียวกัน ในวาระที่สาม กรรมาธิการจะสอบกรณี นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอีเอส ที่เปิดเผยว่า มีผู้เสนอสินบน 40 ล้านบาท เพื่อไม่ให้ดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งนายรังสิมันต์ระบุว่า ต้องตรวจสอบเส้นทางการติดสินบนทั้งหมด โดยเฉพาะบุคคล
ที่ทำหน้าที่เป็น “คนกลาง” และย้ำว่า จะเรียกตัวเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม

 

นายรังสิมันต์ ชี้ว่า การฟอกเงินในประเทศไทย “มโหฬารกว่าที่ใครคิด” และอาจมีมูลค่ามากกว่างบประมาณแผ่นดินเสียอีก เงินที่ถูกฟอกกลับมาในระบบจำนวนมาก ถูกใช้เป็น “ทุนสีเทา” เพื่อยึดอำนาจรัฐ ซื้อกิจการพลังงาน หรือใช้ติดสินบนเจ้าหน้าที่ให้ระบบยุติธรรมไม่ทำงาน ซึ่งวันนี้เรากำลังเผชิญกับทุนเทาที่กำลังยึดประเทศไทย บางส่วนของเงินเหล่านี้ถูกใช้เพื่อบิดเบือนอำนาจรัฐ ถ้านายกรัฐมนตรีและรองนายกฯ ยังนิ่ง แม้แต่เมื่อรัฐมนตรี ออกมาเปิดโปงแล้ว ก็ต้องถามว่าจะอยู่กันยังไง พร้อมเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้มี เอกสารชุดใหม่ 48 หน้า ที่แสดงความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลและนิติบุคคลทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและเว็บพนันออนไลน์ เอกสารดังกล่าวประกอบด้วยทั้งข้อมูลราชการและเอกชน โดยมีพยานหลักฐานแนบมาอย่างเป็นทางการ

 

ทั้งนี้ ขบวนการฟอกเงินนี้ “ไม่ใช่แค่เรื่องของบุคคล” แต่เป็นอาณาจักรอาชญากรรมที่มีความซับซ้อน และอาจมี “รัฐบางรัฐอยู่เบื้องหลัง” จึงต้องอาศัยความร่วมมือระดับนโยบายในการแก้ไข ไม่ใช่เพียงการจับบัญชีม้าหรือซิมม้าเท่านั้น

 

“ผมพูดตรง ๆ ว่า ถ้าเรายังคิดว่าแจ้งความกับ ปปง. หรือ ป.ป.ช. แล้วทุกอย่างจะจบ เรื่องนี้คงไม่มาถึงมือผมหรอก เพราะปัญหามันค้างท่อมานาน รัฐบาลต้องเอาจริงกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ทุนเทาเดินในประเทศเหมือนเจ้าของบ้าน”

 

ในช่วงท้าย นายรังสิมันต์ ยังโยงถึง ปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่า เรื่องนี้อาจไม่ใช่แค่ปัญหาเขตแดน แต่มีมิติของผลประโยชน์และทุนสีเทาเข้ามาเกี่ยวข้อง “ให้ลองดูพฤติกรรมของผู้นำกัมพูชา บางครั้งมันดูเหมือน เป็นเรื่องส่วนตัวที่โยงกับผลประโยชน์ของกลุ่มทุนมากกว่าเรื่องชาติ พร้อมยืนยันว่า จะเรียกสอบบุคคลเพิ่มเติม รวมถึง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง ซึ่งมีชื่อปรากฏในข้อมูลชุดเดียวกัน โดยจะให้มาชี้แจงในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ เพื่อเปิดเผยความจริงทั้งหมดต่อสาธารณะ เพราะนี่ไม่ใช่การล่าแม่มด แต่เป็นการเปิดโปงทุนสีเทาที่ฝังรากในประเทศมาหลายปี ประชาชนควรได้รู้ว่าเงินสกปรกพวกนี้ มันกำลังกลืนกินประเทศอย่างไร และใครบ้างที่มีส่วนได้ส่วนเสีย

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube