Home
|
ข่าว

“โรม” ลุ้นญัตติยกเลิก MOU43-44 เข้าสภา – สร้างกำแพงอาจไม่คุ้ม

Featured Image
กมธ.มั่นคงฯ จี้ รัฐเร่งเยียวยา ปชช. ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะ “โรม” ลุ้นญัตติยกเลิก MOU 43-44 เข้าสภาฯ วันนี้ หนุนแก้ชายแดนด้วยเทคโนโลยี ชี้ สร้างกำแพงถาวรอาจไม่คุ้ม — เสียใจทหารเหยียบกับระเบิด เชื่อ กัมพูชาสวมบทเหยื่อกดดันไทย

 

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ เปิดเผยก่อนการประชุมเรื่องการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า แม้สถานการณ์การปะทะจะยุติลงชั่วคราว แต่ประชาชน และภาคธุรกิจยังได้รับผลกระทบต่อเนื่อง การเยียวยาที่มีอยู่กลับยังไม่เพียงพอและล่าช้า จนเสี่ยงบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน

 

ทั้งนี้ แม้จะมีแนวทางเยียวยาแล้ว แต่ยังไม่ถึงมือประชาชน หรือถึงแต่ล่าช้า ตัวอย่างเช่น กรณีระเบิดตกในไร่นา แต่กลับได้ชดเชยเพียง “หลักสิบบาท” ถือว่าไม่สมเหตุสมผล ขณะที่การขาดรายได้และปัญหาตลาดค้าขายยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง พร้อมย้ำว่า หากเยียวยาไม่ตรงจุด ประชาชนอาจเลือกไม่อพยพหรือไม่หนีภัยเมื่อเกิดการปะทะครั้งต่อไป เสี่ยงเพิ่มความเสียหาย จึงจำเป็นต้องปรับปรุงให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งชี้ว่าประเด็นแรงงานก็ยังมีปัญหา ตัวเลขแรงงานหายไปถึง 8 แสนคน แม้จะมีมาตรการใหม่ช่วยทดแทนบางส่วนแล้วก็ตาม

 

กมธ.มั่นคงฯ ย้ำอีกว่า รัฐบาลต้องจำแนกกลุ่มผู้เดือดร้อนอย่างรอบคอบ เพื่อให้การเยียวยาเพียงพอและเป็นธรรม พร้อมเร่งสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่ารัฐบาลไม่ทอดทิ้ง เพราะหากล่าช้า จะยิ่งทำให้เกิดคำถามและความไม่ไว้วางใจต่อรัฐในระยะยาว

 

ขณะเดียวกัน นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีการยื่นญัตติยกเลิก MOU 43 และ 44 ว่า ยังต้องลุ้นว่าจะถูกบรรจุเข้าสู่การประชุมสภาฯ วันนี้หรือไม่ หลังจากสัปดาห์ก่อนมีการตกลงว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณา แต่กลับถูกเลื่อนออกไป

 

โดยย้ำว่า ควรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาอย่างรอบด้าน โดยเชิญนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมพิจารณา เพราะประชาชนต้องการให้มีการทบทวน MOU ดังกล่าว ด้วยความห่วงใยต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การปิดประชุมสภาในครั้งที่ผ่านมาเป็นเรื่องน่าแปลกใจ และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก

 

สำหรับ MOU 43 ไม่มีการผูกโยงสัมปทาน ขณะที่ MOU 44 แตกต่างออกไป เพราะมีการเชื่อมโยงกับบริษัทข้ามชาติและอาจมีชาติต่าง ๆ อยู่เบื้องหลัง ซึ่งอาจทำให้การศึกษาไม่ราบรื่น จึงจำเป็นต้องพิจารณา อย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ประเทศเสียประโยชน์

 

นายรังสิมันต์ สรุปว่า การตั้ง กมธ. ศึกษา MOU 43 และ 44 คือทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างเป็นธรรม และปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของชาติในระยะยาว

 

นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังแสดงความเห็นต่อแนวคิดการสร้างกำแพงถาวรบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยชี้ว่ามาตรการดังกล่าวต้องสามารถแก้ปัญหาได้จริง มิฉะนั้นจะเป็นการใช้งบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ พร้อมเสนอให้ลงทุนด้านเทคโนโลยี เช่น กล้อง CCTV และเสาไฟอัจฉริยะ เพื่อเชื่อมต่อระบบข้อมูลกลางและตรวจจับการลักลอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

นายรังสิมันต์ กล่าวถึงเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิด โดยแสดงความเสียใจต่อผู้บาดเจ็บ และเชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือฝ่ายไทย พร้อมตั้งข้อสังเกตกัมพูชากำลังสร้างภาพเป็น “เหยื่อ” เพื่อใช้แรงกดดันจากประชาคมโลกต่อประเทศไทย อีกทั้งยังเรียกร้องให้กองทัพจัดหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่มีมาตรฐาน แทนการใช้ “สายยางรัดแผล” ที่ไม่เหมาะสม

 

ส่วนกรณีจดหมายขอบคุณจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายรังสิมันต์มองว่าเป็นเพียงการทูตเชิงต่างตอบแทน ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย และไม่ได้สร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube