“บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์
 
															
				
						“บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขา แล้ว หลังบรรลุข้อลงหยุดยิง รอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดผลประโยชน์ชาติ
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อรวบรวมข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่มีการประชุมของฝ่ายเลขานุการ โดยระบุว่า ผลการหารือของฝ่ายเลขานุการ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เห็นชอบข้อเสนอร่วมกันทั้งสองฝ่าย แต่รายละเอียดต้องมาดูอีกครั้งว่าตรงกับที่ สมช.ได้ให้ความเห็นชอบ ไว้ประมาณ 13-14 ข้อ หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวตนมองว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี หากกัมพูชามีความจริงใจที่จะหยุดยิง จริงๆ จากการบรรลุข้อตกลงในระดับเลขานุการ
ทั้งนี้ ส่วนตัวแบ่งเป็นสามระดับ คือ ในระดับหนึ่งเกณฑ์ที่ตนวัดไว้ผ่านแล้ว ส่วนการประชุมในระดับรัฐมนตรีพรุ่งนี้จะเป็นการวัดความจริงใจระดับสอง และที่เหลือคือระดับสามจะวัดว่าเมื่อถึงเวลาการปฏิบัติจริงจะทำตามข้อตกลงหรือไม่
โดยปกติเมื่อมีการประชุมกองเลขาของจีบีซีฝ่ายกัมพูชามักจะรอฟังข้อเสนอจากฝ่ายไทยและให้ข้อพิจารณามาในการแลกเปลี่ยน ซึ่ง 3 วัน ผ่านไปได้ข้อสรุปที่น่าพอใจ ซึ่งต้องวัดดูในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง
ส่วนที่ไทยยื่นข้อเสนอไปมีเรื่องเงื่อนไขเวลาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ก็มีแต่ต้องขอดูรายละเอียด ซึ่งล่าสุดเมื่อช่วงเช้าว่าเป็นอย่างไร แต่ขอให้ทุกท่านสบายใจได้เรายึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักคำนึงถึงอธิปไตย และที่อยากเน้นย้ำการประชุม GBC มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศเป็นประธาน ฉะนั้น สิ่งที่พิจารณาจะมุ่งไปที่ทางด้านความมั่นคง ในเรื่องการหยุดยิง แต่มีงานที่ต้องทำอีกหลายอย่าง เช่น การเรียกร้องค่าเสียหายของพลเรือน แต่ในกรณีเขตแดนจะไม่ไม่พูดถึง จะรอให้เข้าสู่ JBC ซึ่งดูขั้นตอนเยอะเพราะต้องมีความรอบคอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการพิจารณาหลายอย่าง
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้รักษาราชการนายกรัฐมนตรี ในสั่งการให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุมพิจารณาแบ่งมอบงานให้ประชาชนได้สบายใจว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องใด ขณะที่ ศบ.ทก. เรามุ่งไปที่ปัญหาเฉพาะหน้า เนื่องจากมีหน่วยราชการรวมการทำงานซึ่งจะทำให้กลไกปกติไม่สามารถทำงานได้ แทนที่จะทำงานปกติกลับต้องทำงานกลไกพิเศษซึ่งเป็นสิ่งที่ควรเป็น
ส่วนเงื่อนไขที่กัมพูชาขอกลับไปทบทวนเกี่ยวกับเรื่องใดนั้น ตนยังไม่ทราบ เมื่อวานนี้ยังซักถามทางเลขา ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่ได้ข้อสรุปซึ่งจะต้องรอฟังในวันนี้
ส่วนหลังจากนี้ขั้นตอนคณะกรรมการอื่นๆจะง่ายขึ้นหรือไม่ ในความรู้สึกของตนไม่น่าจะเกี่ยวพัน สำหรับกลไกที่เกี่ยวเนื่องคืออาร์บีซี ซึ่งในที่ประชุม GBC เรื่องการหยุดยิงการรับกำลังการวางกำลังให้ RBC ป็นผู้กำหนด ซึ่ง GBC เป็นการตีกรอบไปให้ ส่วนกลไก JBC เป็นสิ่งที่ทางกัมพูชาบ่ายเบี่ยงมา โดยตลอดเพราะเราอยากให้เข้าสู่ที่ประชุมนี้เพราะเป็นการพูดคุยเรื่องเขตแดน แต่ทางกัมพูชาอยากนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลกซึ่งไทยไม่ยอมรับในส่วนนี้ซึ่งกำลังมีการพูดคุยกัน ซึ่งจะเห็นว่ามีหลายงานและหน่วยรับผิดชอบก็แตกต่างกันไป
พล.อ. ณัฐพล ยังระบุถึง กรณีที่ กัมพูชาต้องการที่จะขึ้นศาลโลกและเหตุใดจึงไม่มีการยกเลิกMOU 43 ว่า MOU43 ยังมีประโยชน์ และที่เราสามารถกล่าวหากัมพูชาได้กับนานาชาติได้ เพราะหากไม่มีกติกาอ้างอิง เราจะกล่าวหาการเข้ามาขุดคูเลท บริเวณเขตประเทศไทยถือว่าผิด MOU43 ซึ่งหากไม่มีตรงนี้เราจะกล่าวหาเขาอย่างไร ได้แต่กล่าวหาได้อย่างเดียวแต่ไม่มีกรอบที่จะอ้าง ซึ่งมองว่าส่วนที่เป็นประโยชน์
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่ากรอบข้อตกลงที่เสนอไปยังกัมพูชายังเป็น 8 ประเด็น เฉพาะข้อตกลงหยุดยิง และมีอีก 6 ประเด็นที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งกัมพูชารับทั้งหมด แต่ช่วงบ่ายวันนี้ สื่อของกัมพูชากลับรายงานว่าไม่ได้เต็มใจรับเงื่อนไข ซึ่งเรื่องนี้คิดว่าไม่เป็นปัญหาเพราะคุยกันด้วยเอกสาร จะไปพูดอย่างอื่น สื่ออาจจะข้อมูลคลาดขึ้นก็ได้ แต่เราดูจากเอกสาร หากเอกสารมีความเห็นพ้องต้องกัน ก็ต้องเห็นพ้องต้องกัน และอีกอย่างหนึ่งมีผู้สังเกตการณ์อยู่ด้วย ผู้สังเกตการณ์ก็ต้องพยานให้เราอยู่แล้ว
ซึ่งการมีผู้สังเกตการณ์ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน ในการเจรจากับกัมพูชาอย่างน้อยก็มีประเทศที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 เป็นพยานด้วยว่ากับตกลงกันไว้อย่างนี้ ต่อไปก็เป็นการกำกับว่า ทำตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ อันนี้คือข้อดีของการมีผู้สังเกตการณ์ แต่ข้อเสียก็คือ ความจริงแล้วควรพูดคุยกันในระดับทวิภาคีมากกว่า



 
                                         
                         
                    




