Home
|
ข่าว

ส.อ.ท.ชี้เจรจาภาษีUSไม่สำเร็จ อาจกระทบส่งออก 9 แสนลบ.

Featured Image
ส.อ.ท. เร่งรวบรวมข้อมูล 47 กลุ่มอุตฯ เตรียมยื่นคลัง เจรจาลดภาษีสหรัฐฯ หากไม่สำเร็จ ผลกระทบส่งออกจะพุ่งสูง 9 แสนลบ.

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ล่าสุด หลังสหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) สำหรับ 22 ประเทศ มีผลบังคับใช้ 1 สิงหาคมนี้ โดยไทยถูกเก็บภาษีสูงถึง 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค เช่น เวียดนาม (20%) มาเลเซีย (25%) และอินโดนีเซีย (32%) ส.อ.ท.พร้อมเดินหน้ารวบรวมข้อมูลจาก 47 กลุ่มอุตสาหกรรม เตรียมยื่นกระทรวงการคลัง เพื่อเร่งเจรจาลดภาษีศุลกากรตอบโต้

 

ปัจจุบัน สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับเวียดนามและสหราชอาณาจักร (UK) แล้ว โดยได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามลงจาก 46% เหลือ 20% สำหรับสินค้าของเวียดนามเอง และ40% กรณีมีการสวมสิทธิ์จากต่างประเทศ ภายใต้เงื่อนไขควบคุมสินค้าถ่ายโอนจากจีน และลดภาษีนำเข้ารถยนต์จาก UK เหลือ 10% สำหรับโควตา 100,000 คันต่อปี พร้อมเปิดตลาดสินค้าเกษตร เช่น เนื้อวัวและเอทานอล สร้างความกังวลว่าไทยอาจเสียเปรียบในการแข่งขัน หากไม่สามารถเจรจาลดอัตราภาษีได้เท่าคู่แข่ง

 

นอกจากนี้ จีน สหภาพยุโรป (EU) และอินเดีย ยังคงอยู่ระหว่างการเจรจา โดยเฉพาะจีนที่อยู่ระหว่าง “การพักชำระภาษีชั่วคราว” (tariff truce) ซึ่งจะหมดอายุ 12 สิงหาคมนี้ โดยล่าสุดสหรัฐฯ และจีน ได้มีการเจรจาข้อตกลงการค้าร่วมกันระหว่างผู้แทนการค้าระดับสูงของสหรัฐฯและจีน ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้ข้อสรุปเรื่องการกำหนดอัตราภาษีสินค้านำเข้าว่า สหรัฐฯ ยังคงเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 55% จากเดิมที่ระดับ 145% ส่วนจีน เรียกเก็บภาษีจากสหรัฐฯ 10% จากเดิมที่ระดับ 125%

 

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดี สี จิ้ง ผิง ยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ และยังไม่มีการออกมายืนยันจากทางรัฐบาลจีน

 

ข้อมูลล่าสุดไตรมาส 1 ปี 2568 เผยว่าการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนกว่า 58% ของ GDP โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมคิดเป็นสัดส่วนกว่า 47% ของ GDP หากไทยไม่สามารถเจรจา ลดภาษีศุลกากรตอบโต้ให้ต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง อาจทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้าไปสหรัฐฯ สูงขึ้น สูญเสียความสามารถในการแข่งขันและกระทบส่วนแบ่งตลาด รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน

 

หากไม่มีมาตรการรองรับ คาดว่ามูลค่าความเสียหายต่อภาคการส่งออกอาจสูงถึง 800,000–900,000 ล้านบาท คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่าในครึ่งปีหลัง หากไทยยังเผชิญภาษีในอัตราสูง การส่งออกอาจหดตัวกว่า 10% ทำให้ภาพรวมทั้งปี 2568 ขยายตัวใกล้ศูนย์

 

โดยขณะนี้ 47 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 11 คลัสเตอร์ กำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล ซึ่งเวลานี้ผู้ส่งออกเองก็พยายามปรับตัวรองรับผลกระทบ เช่น บางกลุ่มอุตสาหกรรมได้มีการเจรจา ระหว่างผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายทางฝั่งสหรัฐฯ ให้ช่วยรับภาษีไปคนละส่วน เพื่อจะได้ช่วยกันแบ่งเบาภาระ แต่มีบางกลุ่มอุตสาหกรรม ที่ทางผู้นำเข้าไม่รับเงื่อนไขนี้ พร้อมเสนอแนวทางให้ภาครัฐ เร่งเจรจาลดอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้เหลือ 0% ในหลายพันรายการ เพื่อเดินหน้ามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการไทย

 

ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ กลุ่มเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้า ซึ่งมีสัดส่วนการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูงกว่า 28–35% ของมูลค่าส่งออก รวมถึงยาง เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนรถยนต์ ของเล่น ผลิตภัณฑ์จากเหล็ก ผลิตภัณฑ์หนังและเซรามิก ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบระดับสูงถึงสูงมาก

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube