“เรืองไกร” ร้อง ป.ป.ช. สอบ “พิชัย”ผิดจริยธรรม หรือไม่
“เรืองไกร” ร้อง ป.ป.ช. สอบ “พิชัย” มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม หรือไม่
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กรณี ที่รับว่า เป็นคนเชิญนายทักษิณ ชินวัตร มาร่วมประชุมทีมไทยแลนด์ และทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลกนั้นว่า จะเข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม มาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 14 ข้อ 17 หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า ในหนังสือมีข้อเท็จจริง ที่นำมาพิจารณากับมาตรฐานทางจริยธรรมและแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีจริยธรรม เป็นข้อ ๆ ดังนี้
ข้อ 1. การที่นายพิชัย ชุณหวชิร แถลงข่าวกล่าวยืนยันข้อเท็จจริงต่อสื่อว่า ตนได้เชิญทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลกมาร่วมประชุม และเห็นว่านายทักษิณ รู้เรื่องเหล่านี้ดีน่าจะให้ข้อคิดเห็นได้ดี จึงเชิญมาร่วมประชุมด้วย นั้น จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบจากข้อเท็จจริงดังกล่าว ในประเด็นที่จะเข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ หรือไม่
ข้อ 2. มาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 14 ข้อ 17 กำหนดว่า
ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมอชอบ
ข้อ 11 ไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ข้อ 12 ยึดมั่นหลักนิติธรรม และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน
ข้อ 14 รักษาไว้ซึ่งความลับในการประชุม การพิจารณาวินิจฉัย รวมทั้งเคารพต่อมติของที่ประชุมฝ่ายข้างมาก และเหตุผลของทุกฝ่ายอย่างเคร่งครัด
ข้อ 17 ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง
ข้อ 3. จากข้อเท็จจริงตามข่าวกับมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าว กรณี จึงมีเหตุอันควรพิจารณาจากแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีจริยธรรมที่ผ่านมาว่า การกระทำ ของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่รับว่า เป็นผู้เชิญนายทักษิณ ชินวัตร มาร่วมประชุมในงานราชการฝ่ายบริหารนั้น จะเข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ในข้อต่าง ๆ หรือไม่ เช่น จะเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต หรือไม่ จะเข้าข่ายกระทำการอันเป็นการขัดกัน
ระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือไม่ จะเข้าข่ายเป็นการไม่ยึดมั่นหลักนิติธรรม และไม่ประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรม อันดีของประชาชน หรือไม่ จะเข้าข่ายเป็นการไม่รักษาไว้ซึ่งความลับในการประชุม หรือไม่ จะเข้าข่ายกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง หรือไม่ เป็นต้น
ข้อ 4. การกระทำดังกล่าวเป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี นั้น จริยธรรมข้อนี้หมายถึง การรักษาชื่อเสียงของตำแหน่งหน้าที่รัฐมนตรี และการไม่ประพฤติปฏิบัติตนหรือดำเนินการอื่นใดที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของผู้ดำรงตำแหน่งและองค์กรของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือไม่ (เทียบเคียงจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีจริยธรรม)
ข้อ 5. การกระทำดังกล่าวของนายพิชัย ชุณหวชิร จะเป็นการแสวงหาประโยชน์จากนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2568 ในงาน 55 ปี NATION ผ่าทางตันประเทศไทย ในทำนองที่ยอมรับว่า เป็นคนสั่งรัฐบาลเอง หรือไม่ ทั้งนี้ ขอให้ ป.ป.ช. นำคลิปรายการดังกล่าวที่มีเผยแพร่ทั่วไป มาเป็นหลักฐานด้วย
ข้อ 6. กรณีดังกล่าว ป.ป.ช. ควรรีบดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้มีกรณีที่รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ที่อาจจะไปเชิญบุคคลภายนอกมาหารือ ข้อราชการในกิจการงานของรัฐมนตรี หรือกระทั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผลที่ไม่มีข้อกฎหมายมารองรับ ในโอกาสต่อไปได้อีก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





