คุ้มไหม? จริยธรรมแพทย์ กับคน(เคย)ป่วยที่ชั้น14
ยังคงเป็นที่จับตาของคนในสังคมเป็นอย่างมาก กับกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการส่งตัว ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 หลังจากกลับประเทศไทยในปี 2566 และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการรักษานั้นเป็น “การอยู่โรงพยาบาลเพื่อเลี่ยงการจำคุก” โดยเฉพาะกรณีมีรายงานว่าอยู่ในห้องพิเศษชั้น 14 รพ.ตำรวจ และมีหมอให้ความร่วมมือโดยไม่ส่งตัวกลับเรือนจำ
ล่าสุด นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 เปิดเผยผลสรุปการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่าที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 5/2568 ประจำเดือนพฤษภาคม มีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑ์สถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจผิดดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม
โดยที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่านกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐานและพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ท่านกรณีให้ข้อมูล หรือ เอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งนี้ แพทยสภามีหน้าที่ต้องเสนอ มติต่อสภานายกพิเศษ รัฐมตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความ เห็นชอบก่อนจะดำเนินการตามมติ ซึ่งเป็นขั้นตอนตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ต่อไป
ทั้งนี้ นายแพทย์ประสิทธิ์ กล่าวว่า แพทยสภายึดความถูกต้อง ยึดหลักฐานต่าง ๆ ไม่อิงกับปัจจัยภายนอกและไม่สนใจด้วยซํ้าว่าบุคคลท่านนี้เป็นใครพร้อมยืนยันว่าจะไม่มีมวยล้มต้มคนดูเนื่องจาก แพทยสภามีศักดิ์ศรี ในการดําเนินการในสิ่งที่ถูกต้องและชอบทําให้กับสังคม ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวจากสื่อมวลชนแต่ยังไม่ได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้กองวินัยเตรียมพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีการแจ้งเรื่องมาอย่างเป็นทางการโดยตามขั้นตอนของ ตร. เมื่อมีการแจ้งเรื่องมายังฝ่ายวินัย จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แม้ขณะนี้จะยังไม่มีการแจ้งเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้ให้ทางกองวินัยรับทราบและเตรียมพร้อมในการเสนอความเห็นแล้ว
ผบ.ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเป็นแพทย์ตำรวจที่ถูกพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม จะต้องหยุดปฏิบัติงานด้านการรักษาพยาบาลทันที และอาจมีการระงับค่าตอบแทนพิเศษสำหรับตำแหน่งในวิชาชีพนั้น ๆส่วนในด้านวินัยตำรวจ จะต้องมีการพิจารณาต่อไปว่ามีความผิดทางวินัยในข้อใดบ้าง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ และกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการบริหารวินัย
“ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่นิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีการพักใบอนุญาต จะต้องมีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ทางการแพทย์ทันที แต่ในฐานะที่เป็นข้าราชการตำรวจ หากมีการกระทำผิดวินัยอย่างใดอย่างหนึ่งก็ต้องมีการตรวจสอบ”
กรณีดังกลาว ก่อให้เกิดข้อครหาของสังคม เรื่องความเป็นกลางและจริยธรรมทางวิชาชีพ ที่มีข้อสงสัย ว่า หมอหรือผู้บริหาร โรงพยาบาลอาจมีเจตนาเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลทางการเมือง และถูกตั้งคำถามว่า ให้การวินิจฉัยโรคเพื่อสนองต่อแรงกดดันทางการเมืองหรือไม่ รวมถึง อาจจะทำให้ภาพลักษณ์ของหมอไทย ในสายตาประชาชนอาจถูกมองว่า “เลือกปฏิบัติ” กับผู้มีอำนาจหรือบุคคลสำคัญทางการเมือง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





