“อิ๊งค์” เคาะเงินหมื่นเฟส 3 วัดใจกนง.ลดดอกเบี้ย
น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง กับ 2 ประเด็นใหญ่เรื่องเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ประเด็นแรกนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” เตรียมนั่งประธานประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เคาะโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดัน GDP ให้ได้ตามเป้าหมาย 3 ถึง 3.5% ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งหนึ่งในโครงการขับเคลื่อนก็คือ Digital Wallet เฟส 3 คาดวงเงิน 1.5 ถึง 1.6 แสนล้านบาท หนุน GDP ให้เพิ่มขึ้น
ประเด็นที่ 2 คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ที่จะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของปีนี้ โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ที่มติกนง.ว่า จะลดหรือคงอัตราดอกเบี้ยนโยยาย หลังจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมกนง.จะเริ่มขึ้น นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ได้มีการทวีตข้อความเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ โดยขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาลดดอกเบี้ย เพื่อลดภาระให้กับประชาชน
ทั้งนี้ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ได้คุยกับ “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” อดีตคณะกรรมการนโยบายการเงิน ถึงมติกนง.ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดย “ศ.ดร.พรายพล” เชื่อว่า กนง.จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพราะขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้คึกคัก ขณะที่เศรษฐกิจโลกก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
“ผมว่าเท่าที่ที่ผ่านมา แบงก์ชาติเองก็พยายามที่จะดูตัวเลขของภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งในปัจจุบันนี้เงินเฟ้อก็ไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ดูจะไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ากนง. อาจจะตัดสินใจ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไปบ้าง แต่ว่าขณะเดียวกันก็ดูสภาพของเศรษฐกิจโลกเหมือนกันซึ่งก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเฟดเอง ก็ลังเลที่จะลดดอกเบี้ยด้วยสาเหตุหลายอย่างที่มีผลมาจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์”
ส่วนกรณีที่ นายกรัฐมนตรี ได้มีการทวีตข้อความโดยขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนั้น “ศ.ดร.พรายพล” มองว่า ถือเป็นการชี้นำ ซึ่งนักการเมืองไม่ควรที่จะเข้าไปแทรกแซงนโยบายการเงิน ควรปล่อยให้เป็นฝ่ายผู้ที่กำกับดูแลนโยบายการเงิน มีอิสระในการตัดสินใจ
“น่าจะเป็นไปได้ในแง่ของการชี้นำ ผมคิดว่า แต่ว่าเหมาะสมหรือเปล่าอันนี้ก็อีกเรื่องนึง เพราะว่าในเรื่องของนโยบายการเงิน ก็เป็นที่รับรู้กันว่า การเมืองก็มักจะต้องปล่อย ให้ทางฝ่ายผู้ที่ดูแลนโยบายการเงินมีอิสระในการตัดสินใจ ในช่วงเวลาที่ได้มีการตกลงกันในกรอบใหญ่ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จริงๆแล้ว ในแต่ละครั้งที่มีการตัดสินใจ ผมว่า นักการเมืองไม่ควรที่จะเข้าไปแทรกแซงหรือชี้นำ ชี้แนะ วิพากษ์วิจารณ์ อันนี้ก็เป็นหลักการที่ใช้กันมากับหลายประเทศแล้ว ก็หวังว่าเราจะ รักษาธรรมเนียมปฏิบัตินี้ต่อไป”
และเมื่อถามว่าหากกนง.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะถือเป็นการเสียฟอร์มหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลและธปท.มักจะมีความเห็นที่ไม่ค่อยจะสอดคล้องกันสักเท่าไร ซึ่งเรื่องนี้ “ศ.ดร.พรายพล” กล่าวว่า อย่ามองว่าใครจะเสียฟอร์ม เพราะทุกการตัดสินอยู่บนพื้นฐานข้อมูล และถ้ากนง.จะลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็อาจจะสอดคล้องความเห็นของนายกรัฐมนตรีก็ได้ และถ้ากนง.มีคำอธิบายต่อมุมมองดังกล่าวออกมา ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
“ก็อย่าไปมองอย่างนั้นสิ ว่าเสียฟอร์มหรือไม่เสียฟอร์ม เพราะว่ากนง.เอง เท่าที่ผ่านมาก็ไม่ได้เอาเรื่องข้อเสนอแนะของฝ่ายทางภาครัฐไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้ามาเป็นแฟคเตอร์สำคัญในการตัดสินใจอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมา ก็แน่นอน เค้าก็ฟัง แต่ว่าในคำแถลง เค้าก็ไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเค้าจะลดซึ่งก็อาจจะสอดคล้องความเห็นของนายกรัฐมนตรี ผมไม่ถือว่าเป็นการเสียฟอร์ม และถ้าเป็นคำอธิบายที่ดีก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่”
ทั้งนี้ มุมมองการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของนายกรัฐมนตรี สอดคล้องกับความเห็นของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ที่แนะให้ไทยพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและบรรเทาภาระหนี้ในประเทศ
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการประชุม กนง. อย่างใกล้ชิด รวมทั้งการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Digital Wallet เฟส 3 ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





