Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

ข้าว ชาวนา ปัญหาซ้ำซาก ทุกรัฐบาลต้องแก้

 

 

 

“ข้าว” คือพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และ ชาวนา คือ รากฐานสำคัญของสังคมไทย เกษตรกร คือ คนส่วนใหญ่ของประเทศ การดูแลช่วยเหลือพี่น้องชาวนาและเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงเป็นหน้าที่สำคัญของรัฐบาลในทุกยุค ทุกสมัย และในทางกลับกัน หากรัฐบาล ไม่สามารถดูแล หรือช่วยเหลือแก้ปัญหาให้เกษตรกร ชาวนา ก็จะนำมาซึ่งปัญหาทางการเมือง

 

 

และอาจเป็นจุดเปลี่ยนของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลของนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ก็กำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ ดังนั้นในทางการเมือง นโยบายเกี่ยวกับข้าวการช่วยเหลือชาวนา จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ใครทำได้ดีก็จะเก็บเกี่ยว หวังผลทางการเมืองได้ยาวนาน เหมือนกับที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เคยทำได้ เมื่อ 20 กว่าปีก่อน และต่อยอดมาถึงน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็คว้าชัยชนะในสนามเลือกตั้งด้วยนโยบายข้าวที่โดดเด่น

 

ก่อนสังเวยตำแหน่งถูกยึดอำนาจ และต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะเรื่องทุจริตจากนโยบายข้าวด้วยนั่นเอง ดังนั้น นโยบายข้าว ของนายกฯอิ๊งค์ จึงน่าสนใจเป็นอย่างมาก จะช่วยเหลือชาวนาในยุคนี้อย่างไร เพราะนับจากยุค “เศรษฐา ทวีสิน” รัฐบาลเพื่อไทย ก็ไม่ได้นำจำนำข้าวกลับมาใช้ มีเพียง การจ่ายเงินช่วยเหลือเพียงประปราย และพอเปลี่ยนมาเป็น นายกฯอิ๊งค์ ก็ช่วยเหลือเพียงไร่ละ 1 พันเหมือนเดิมเช่นกัน จนมีปัญหาราคาข้าวตกต่ำ และมีม็อบมาเยือนทำเนียบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

 

ย้อนกลับไปดูนโยบายข้าว เท่าที่จำความได้ “รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ปี 2525 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ มีการริเริ่ม “โครงการรับจำนำข้าว” เป็นครั้งแรก และช่วยสร้างหลักประกันรายได้ให้ชาวนาได้อย่างเป็นระบบ โดยรัฐจะรับจำนำข้าวในราคาที่สูงกว่าตลาด ทำให้ชาวนามีทางเลือกในการขายผลผลิต และมีอำนาจต่อรองมากขึ้น จนกระทั่ง รัฐบาล “ทักษิณ” ปี 2544-49 นโยบายรับจำนำข้าวได้รับการพัฒนา อย่างก้าวกระโดด กำหนดราคารับจำนำสูงถึงตันละ 15,000 บาท ส่งผลให้รายได้ชาวนาเพิ่มขึ้น และเป็นที่มาของคะแนนนิยมของ “ทักษิณ” และพรรคเพื่อไทย

 

 

รัฐบาล”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ” ปี 2552-53 มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการช่วยเหลือชาวนา จาก จำนำข้าว เป็น “ประกันราคา” ซึ่งช่วยลดภาระทางการคลัง และรักษาเสถียรภาพรายได้ ให้ชาวนา โดยรัฐจะจ่ายส่วนต่างระหว่างราคาตลาดกับราคาประกัน ทำให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากขึ้น แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยน “รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปี 2554-57 ก็นำระบบจำนำข้าวกลับมาอีกครั้ง โดยรับจำนำทุกเมล็ด หวังยกระดับรายได้ชาวนาอย่างทั่วถึง ซึ่งผลตอบรับในช่วงแรกดีมาก แต่ก็มีปัญหาเรื่องทุจริต ในช่วงท้าย จนนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

 

 

พอเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยเป็น คสช.ก็ปรับเปลี่ยนแนวทางช้วยเหลือชาวนา เป็นการช่วยเหลือโดยตรง จ่ายเงินสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ และเมื่อเปลี่ยนเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มาจากการเลือกตั้ง ก็นำนโยบายประกันรายได้ ของพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาใช้อีกครั้ง ควบคู่กับการจ่ายเงินช่วยเหลือในหลายรูปแบบ

 

 

ส่วนรัฐบาล เพื่อไทย ยุค “เศรษฐา และ แพทองธาร” ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเฉพาะหน้า และการพัฒนาระยะยาว ได้เริ่มโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการ และพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกร ผู้ปลูกข้าว จ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่เพียงพอ ชาวนาเดือดร้อน จนล่าสุด เตรียม 3 มาตรการ 1.สินเชื่อชะลอนาปรัง ช่วยค่าฝากเก็บ 1,500 บาทต่อตัน 2.ชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการโรงสี 6% ต้องเก็บสต๊อกไว้ 2-6 เดือน และ 3.เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือก โดยรัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการ 500 บาทต่อตัน ซึ่งน่าสนใจว่า 3 มาตรการนี้ จะช่วยเหลือชาวนาได้หรือไม่ จะไม่กลายเป็นม็อบ มาส่งผลกระทบต่อการเมืองในอนาคตหรือไม่

 

 


 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube