นายกฯ ยันรบ.ให้ความสำคัญวิจัยพัฒนาอุตฯ ป้องกันปท.
นายกฯยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการวิจัย พัฒนาการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่นำมาป้องกันประเทศ ควบคู่สร้างความร่วมมือภาครัฐ เอกชน มิตรประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอก ชูชาติ บัวขาว ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ พลเอก จิรวิทย์ เดชจรัสศรี ผู้อำนวยการศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร พลโท พรมงคล พึ่งเสมา ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ และพันเอก ชัชพงษ์ พันธุ์พยัคฆ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากิจการ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดนิทรรศการ “อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ” จัดโดยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นการนำเสนอผลการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในรูปแบบการจัดนิทรรศการ เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้กับส่วนราชการ หน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนทั่วไปได้รับทราบ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และมีศักยภาพในการแข่งขันในระดับสากลต่อไป
นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) บูรณาการขีดความสามารถ โดยได้ทำการวิจัย พัฒนาและผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สามารถนำมาทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ และนำไปใช้งานจริง โดยพัฒนาปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นการต่อยอดจากงานวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม ในปี 2563 ให้สามารถนำมาใช้งานได้จริง โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน และมีแผนนำเข้าประจำการในปี 2567-2568
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ทดลองขับเคลื่อนหุ่นยนต์ตรวจการณ์ขนาดพกพา รุ่นหนูนา เวอร์ชัน 4 และหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิด รุ่นดิเอ็มไพร์ เวอร์ชัน 4 พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการวิจัย พัฒนาการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่นำมาป้องกันประเทศ และสามารถนำมาทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ และนำไปใช้งานได้จริงในกองทัพด้วยราคาที่ต่ำกว่าการจัดซื้อจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นการยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ และคิดค้นผลิตภัณฑ์ ผลงานวิจัย
ที่ช่วยสร้างผลผลิตและนำไปใช้ในงานด้านการป้องกันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ จะต้องเสริมสร้างการวิจัยและพัฒนา ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และมิตรประเทศ ในการสร้างองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์และยุทธภัณฑ์ พร้อมทั้งส่งเสริมนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศโดยหน่วยงานภาครัฐต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





