ถือเป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์กีฬาสัญชาติไทยที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งกับการแข่งขันเจ๊ตสกีระยะทางไกล นอกชายฝั่ง ชิงแชมป์โลก ที่จังหวัดภูเก็ต ภายใต้ชื่อ ออฟชอว์ เวิลด์ แชมป์เปี้ยนชิฟ 2023 ภูเก็ต เรียกได้ว่าเป็นการจัดการแข่งขันเจ๊ตสกีระยะไกลครั้งแรกเลยก็ว่าได้ โดยมีแนวคิดอยากจะให้ผู้คนได้เห็นความสวยงาม ความประทับใจในเส้นทางการแข่งขัน
สำหรับ วอเตอร์ เจท เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ใช้ศักยภาพการเป็นองค์กรจัดการแข่งขันเพื่อเป็นจุดขายใหม่ระดับโลก โดยนำมาสร้างสรรค์ให้เป็นการแข่งขันรอบเกาะภูเก็ต ที่วิ่งห่างจากชายฝั่งไกลกว่า 2 กิโลเมตร และเลือกใช้พื้นที่ทะเลที่กว้างใหญ่ มีการสัญจรน้อยให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งเพื่อไม่ให้กระทบกับนักท่องเที่ยวบนชายหาด ถือเป็นการนำเสนอความสวยงามรอบเกาะภูเก็ต เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว ที่จะได้รับชมผ่านการออกอากาศทาง EROSPORT ที่มีการรับชมกว่า 155 ล้านครัวเรือนทั่วโลกอีกด้วย
กิจกรรมกีฬาเป็นเครื่องมือช่วยสร้าง “กลยุทธ์การตลาด ด้านการท่องเที่ยว” ช่วยจูงใจ ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมายังภูเก็ต และ “สร้าง Productivity เพิ่มขึ้นกับกิจกรรมทางเรือ” สร้างเศรษฐกิจเรือชาวบ้าน สร้างธุรกิจเรือสปีดโบ๊ต สนับสนุนกิจการเรือยอร์ช เรือใบ และเรืออื่นๆ เพื่อพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสจุดหมายที่จะพบความสุขและความประทับใจจากสถานที่ท่องเที่ยวนับหลายร้อยแห่งรอบเกาะภูเก็ต
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ บอกว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับการกีฬาและการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า กิจกรรมการแข่งขันเจ็ตสกีทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 320 ล้านบาท
สำหรับ กิจกรรมครั้งนี้ แบ่งเป็นกิจกรรมรอบเกาะ ที่เน้นนำเสนอความสวยงาม 1 วัน ในวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 และการแข่งขันโปร ชิงแชมป์โลก 2 วัน ในวันเสาร์ที่ 18 และอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2566 ซึ่งออฟชอร์ใช้เส้นทางแข่งขันระหว่าง “ชายหาดลากูน่า ถึง แหลมพรมเทพ”กำหนดวิ่งไปกลับ 2 รอบ 120 กิโลเมตร
จากนี้ต่อไปคงต้องติดตามการแข่งขันเจ็ตสกีที่ประเทศไทยจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตเพราะเชื่อแน่ว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและกีฬา รวมไปถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยที่จะเติบโต มั่นคง มั่งคั่ง ยันยืน นั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews