เปิดหมดเปลือกจุดเริ่มต้นของชื่อ! อู๊ด เป็นต่อ
เปิดหมดเปลือกจุดเริ่มต้นของชื่อ! อู๊ด เป็นต่อ พร้อมเผยสถานะทางการเงินคนนี้คือนี่เองคือ ผู้คุมบังเหียน
เมื่อนักแสดงอารมรับทราบดี อู๊ด เป็นต่อ ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 เจ้าตัวก็เล่าเรื่องชีวิตของตัวเองแบบหมดเปลือกตั้งแต่ช่วงเวลาที่ยังคงเป็นวัยรุ่นที่มีแต่เรื่องราว เล่าย้อนวันวานงานแรกของชีวิตคือผู้ใช้แรงงานก่อสร้าง และจุดเริ่มต้นที่ทำให้กลายมาเป็น อู๊ด เป็นต่อ ที่ชื่อนี้ทำให้ก้าวพ้นคำว่าศูนย์และก้าวสู่ความสำเร็จกลายเป็นที่รู้จัก ส่วนความรักของ อู๊ด เป็นต่อ ที่เจ้าตัวเผยว่าความรักแรกกว่าจะเกิดขึ้นก็เมื่ออยู่มหาวิทยาลัยแล้ว และทุกวันนี้ทำงานเก็บเงินมาได้คือให้ภรรยาเก็บไว้หมดคนเดียว
อู๊ด เป็นต่อ : ตอนน้ำท่วมที่อยู่กับ 7-8 คน ใช่ไหมแล้วน้ำก็ขึ้นมาเรานอนกันไม่ได้ต้องหาไม้เป็นกระดานมาพาดจากมุมนี้ไปมุมโน้น แล้วมัมโน้นมามัมนี้ ไขว้ไปไขว้มาเพื่อให้มันพ้นน้ำแล้วอยู่บนกระดานไม้นั้นเพื่อรอให้น้ำมันลดข้างล่างคนน้ำทั้งนั้นเลย ทั้งยุง ทั้งขยะและของเหลือจากเราที่เราไม่ได้เอาออกทางปากมันลอยมาเลยครับ กินข้าวอยู่มันก็ลอยมาแบบนั้นเลยครับ เรากินข้าวก็นั่งดูอุจจาระเราก็คิดนะครับตอนนั้นทำไหมบ้านเราจนแบบนี้ผมไม่มีสิทธิ์คิดอย่างอื่นเลย ตอนนั้นเรา 6 ขวบเองเราไม่ได้คิดถึงอนาคตหรอกคิดแต่ว่าทำไมบ้านเขามี ทำบ้านเราพ่อแม่ไม่หาไว้ให้โน้นนี่นั้น เราไม่ได้โทษเขานะครับ แค่รู้สีกว่าทำไมเขาไม่ทำแบบนี้ไว้บ้าง
ถาม อาชีพแรกของ พี่อู๊ด
อู๊ด เป็นต่อ : ก่อสร้างครับ ตอนนั้นเราก็หยุดเรียนเลยครับ อันนี้ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเหมือนกันนะครับ ตอนนั้นผมเรียนอยู่ป.5-6 แล้วตอนนั้นโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่พวกครูเขาก็จะสร้างบ่อปลากันผมก็เลยอาสาช่วยไปแบกปูนมา ไปผสมปูนถ้าจะเทพื้นต้องมีส่วนผสมเท่านี้ๆตามมาตรส่วนอะไรก็ว่าไป พอตอนจุดเปลี่ยนที่อยากทำงานก็คือที่เราทำมาทั้งหมดเราได้โควต้าไปเรียนต่อม.1 โดยไม่ต้องสอบเข้าเลยผมดีใจมากกำลังไปบอกพ่อกับแม่ว่าผมไม่ต้องสอบนะที่ผมเข้าบ้านดึกๆเพราะแบบนี้ๆพ่อบอกว่าสงสัยจะไม่ได้เรียนนะให้พี่ชายได้เรียนก่อน เสียใจอยู่นะครับ เพราะว่าเพื่อนที่ทำงานด้วยกันอยู่เขาได้ไปหมดเลย แต่เราไม่ได้ไป เราก็คิดว่าในเมื่อเรียนไม่ได้ก็ไม่เรียน ก็มีพวกน้าๆลุงๆข้างบ้านเขาก็บอกว่าทำก่อสร้างเป็นไหม ไปทำก่อสร้างกับลุงไหมเป็นจับกังก่อนได้ประมาณ 50-60 บาทประมาณนี้ แต่ไม่เกิน 100 แน่นอน เขาก็ตกใจว่าเราทำเป็นเพราะเราฝึกจากโรงเรียนมาแล้ว
อู๊ด เป็นต่อ : และมันมีข่วงเด็กพักเที่ยงธรรมดาเขาจะมีคนไปซื้อข้าวกล่อง ข้าวอะไรมาให้เราทีนี้เราอยากไปกินข้าวเอง แบบตัวเปื้อนปูนเลยจะไปสั่งข้างผัดมากิน แล้วเพื่อนสมัยที่เราเรียนด้วยเดินมาเพื่อนก็ถามว่าเราไม่ได้เรียนต่อเหรอ เราก็บอกว่าเสียดายไม่ได้เรียนต่อ เราก็พูดตรงๆพ่อไม่มีเงินก็เลยต้องมาทำแบบนี้
ถาม ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง ที่เพื่อนมาเห็นเราพอดี
อู๊ด เป็นต่อ : ผมจะเป็นคนที่ยิ้มตลอดเวลา ทีนี้โยนความขี้เกียจด้วยแหละ อยากเดินไปโรงเรียนพร้อมกันเพราะคนที่เป็นคู่หูกันเพราะเราเดินไปโรงเรียนพร้อมกัน เราก็เลยบอกเขาว่าปีหน้าเจอกันแล้วกัน (เราก็ร้องไห้) เราเรียนพร้อมกับเขา รู้สึกว่าเราเรียนช้ากว่าเขา 1 ปี คงไม่ได้มีผลอะไรมากมายหรอก แต่ลึกๆแล้วอายครับ อายเพราะเราไม่ได้เรียน แต่ผมอยากเรียน
ถาม กว่าจะมาเป็น อู๊ด เป็นต่อ ก็ผ่านอุปสรรคมามากมาย
อู๊ด เป็นต่อ : ก็ตอนแรกเราก็เริ่มจะถอดใจแล้วครับ แต่เพื่อนก็บอกว่าอย่าเพิ่งกลับไปอยู่กับ เหลือเฟือ ก่อนเขาต้องการหานักดนตรีที่มีความสามารถเล่นดนตรีพื้นเมืองได้มีความสามารถเยอะๆ เหลือเฟือ จะเล่นอยู่ที่พระราม 9 ทุกวันให้ผมมาหาเราก็ไปนั่งรอเลยที่ป้ายรถเมล์เพราะเราไม่มีบ้านญาติพี่น้องของเราก็ไม่เอาแล้วเพราะเราไม่ประสบผลสำเร็จ เราไม่เอาจริงเป็นชิ้นเป็นอันคือเอาแต่จะคอยรบกวนคนอื่น แต่ผมถามว่าผมรบกวนไหม ผมรบกวนนะ แต่เขาไม่เคยช่วยเราเลย (ยิ้ม) แล้วก็ไปบอกคนอื่นว่าเรามารบกวนมีแต่เรื่องโน้นนี่ ผมผิดไหม เราก็มารอ พี่เหลือ วันที่สองก็ไม่เจอเราก็คิดว่าเรากลับบ้านแน่นอนไม่อยู่แล้ว วันที่สาม พี่ป้อม มาเองเลยมารอเป็นเพื่อนสรุปว่า พี่เหลือ มาลงเวทีมาเจอก็ถามว่าเราชื่ออะไรก็ได้เข้าไปทำงานกับเขาก็เก็บชุดตลกก่อนเลยครับ คือเราต้องเก็บและเตรียมชุดไว้ให้เขาข้างหลังเวที ทำแบบนั้นอยู่พักหนึ่งแล้วแกก็บอกว่าวันนี้ขาวคณะมันไม่คบนะแล้ววันนั้นมีคนที่มาดูคือ พี่นก จิรศักดิ์ พี่บอย พี่เกลือ คนเขียนบทต่างๆเขามาหาตัวละครตัว อู๊ด อยู่ในพระราม 9 และวันนั้นก็เป็นวันแรกที่เราได้ขึ้นไปแสดงบนเวทีและเจอทุกคนที่มาดูเลยครับ วันต่อมาก็ได้ไปถ่ายรายการตีสิบ แล้วอีกสามวัน พี่เหลือ บอกว่า พี่บอย ที่เขามาดูวันนั้นเขาให้เราไปฟิตติ้งนะแล้วพอเสร็จเราก็เริ่มถ่าย เป็นต่อ ไปเลย


ถาม มาถามเรื่องความรักกันบ้างแล้วความรักครั้งแรกเริ่มต้นที่เมื่อไหร่เอ่ย ???
อู๊ด เป็นต่อ : ความรักครั้งแรกมหาวิทยาลัยครับ เพราะตอนม.1-2-3 เราไม่กล้าจีบใครๆอยู่แล้วเพราะบ้านเราจนเราไม่มึความมั่นใจเลยครับ ทางสังคม เราก็ได้แต่แอบชอบเขาแบบถ้ามีผู้หญิงคนไหนที่ชอบผมแล้วผมก็แอบชอบเขาเราคุยไปคุยมาให้เขารู้ว่าเราชอบแล้วเขาชอบเราคืนมานี่คือผมเกลียดเลยนะครับ เกลียด กลัว กลัวเขาเข้ามาในชีวิตกลัวเขามาเห็นบ้านเรามาเห็นความยากจนของเราเราไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยเขาจะรังเกียจพ่อแม่เราไหมญาติพี่น้องอะไรแบบนี้
ถาม แล้วเราเริ่มต้นรักครั้งแรกได้อย่างไร
อู๊ด เป็นต่อ : มหาวิทยาลัยเพราะว่าโตแล้วต่างคนต่างไปเช่าบ้านที่อื่นได้อยู่คอนโด อยู่อพาร์ตเมนต์ก็ไปตกหลุมรักผู้หญิงอยู่คนหนึ่งตอนนั้นเรียนรามครับ เป็นความรักแบบบุฟเฟต์ ผมยอมรับว่าผมชอบคนง่ายคือเราเห็นเขาแล้วเราชอบเลยแต่ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่มันจะสมบูรณ์แบบเลยถ้าอีกฝ่ายชอบเราด้วย แต่จะให้ไปตามจีบจะไม่ค่อย เริ่มคุยไปคุยมาก็รู้สึกผูกพันไปเรื่อยๆสามวันที่รับน้องทำให้เราได้พูดคุยโน้นนี่เราคิดว่าเขาต้องชอบเราแน่นอนเลยแบบสบตาเหมือนในหนัง พอชอบไปชอบมาก็ได้กินข้าว ไปโน้นนี่ด้วยกันไปดูหนังก็เลยตกลงปลงใจเป็นแฟนกันแต่ก็ไม่ได้ตกลงกันนะครับ แล้วผมก็ได้เป็นนักดนตรีโทรหากันบ้างแล้วก็ไม่ได้โทรบ้าง แต่เพราะว่าเราได้เล่าเรื่องบ้านเราให้ฟังมั้งเขาก็เลยไม่ตาม หรือว่าเขาคิดว่าดีแล้วที่ไม่ตามไม่อะไรกันเยอะฉันจะได้ไปง่ายเหมือนกัน ความรักแบบบุฟเฟต์คือต่างคนต่างดูแลตัวเอง ถ้าจะไปกินข้าวกินปลาก็ยังได้อยู่แต่จะให้ไปดูแลกันมันไม่ได้ขนาดนั้นฉันให้เธอเดือนเท่านั้นเท่านี้ไม่มีบางทีเราไม่มีเขาก็ต้องจ่ายให้เรา เลยทำให้ห่างๆกันในเมื่อเขาไม่โทรเราก็ไม่โทรบ้าจนแยกกันไป ผมไม่เรียกว่าอกหักครับ ถ้ามีอะไรกันแล้วผมไม่เรียกว่าอกหักครับ คือ ถ้าอกหักของผมคือ ถ้าเราชอบกันแล้วเขาเลือกอีกคนหนึ่งแบบนั้นเขาเรียกว่าอกหักแต่ถ้าเรามีอะไรกันแล้วผมเรียกว่าได้แล้ว เรียกว่า ทิ้งกันไปครับ และหลังจากคนนี้คือ เราอกหักจริงเพราะเรายังไม่ได้เขาเราพยายามโทรหาเขาผู้หญิงคนนี้เจอกันที่ผับเราเล่นดนตรีอยู่แล้วเขาก็เด่นยิ้มเคี้ยวแหลมมาคนเดียวเลยผมเลยรู้สึกว่าคนนี้สเปกเลยขนาดคิดว่าคนนี้แหละแม่ของลูกเลยเพราะเราเป็นคนที่ชอบคนง่ายไงครับ
ถาม ทำงานทุกวันนี้ได้เท่าไหร่คือให้ใครหมด
อู๊ด เป็นต่อ : ให้ภรรยาหมดครับ เมื่อก่อนเราจใช้อะไรก็ไปขอเขาแต่ตอนนี้เราต่างมีภาระหน้าที่ตอนที่โควิดเราช็อตเราหมุนเงินไม่ทันก็มียทมเพื่อนอาศัยโน้นนี่บ้างเราก็พยายามผ่อนจ่ายให้เขา
ถาม ทุกวันนี้ก็มีธุระกิจเป็นของตัวเองคือร้านชาบู
อู๊ด เป็นต่อ : ใช่ครับ สาขามีประมาณ 60 กว่าสาขา ทั่วประเทศเลยครับ ร้านชาบูอู๊ดเป็นต่อ ครับ พอมีโควิดเข้ามาโดยเฉพาะร้านอาหารมันต้องปิดไปโดยปริยายเราก็ปรับกลยุทธที่จะสู้กับมันแต่มันสู้ไม่ไหวนะครับ ค่าใช้จ่ายที่มันบานแล้วรัฐบาลก็สั่งปิดร้านอาหารที่อยู่ในห้องแอร์ทั้งหมด แล้วร้านอาหารของเราคือเป็นห้องแอร์ซะส่วนใหญ่ตอนนั้นเป็นหนี้ทันทีเลยครับ 10 ล้านบาทค่าเช่าค่าลงทุนสั่งวัตถุดิบที่เราจะเอาเข้ามาจำนวนเยอะเพราะเราต้องสั่งเข้ามาล่วงหน้าช่วงเทศกาลปีใหม่พอสั่งไปยอดเท่านี้ไม่ถึงสามวันร้านต้องปิดมีประกาศด่วนไปไม่เป็นเลยครับ เสียศูนย์เลยครับ แล้วกองถ่ายก็หยุดไม่มีงานไม่มีอาชีพเลยเหนื่อยเลยครับ ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร แต่เราไม่เอาคำว่าเจ๊งมานำชีวิตไหมเราสู้ได้ก็ต้องสู้
ถาม แต่ ณ วันนี้ ตอนนี้เราเปิดแล้ว
อู๊ด เป็นต่อ : ผมมีความรู้สึกว่าผมมีกำลังใจมากมีแฟนๆส่งข้อความ โทรมาให้กำลังใจมันมีผลมากๆครับ ทำให้เรารู้สึกสู้แล้วตอนนี้ก็เปิดแล้ว ร้านชาบูอู๊ดเป็นต่อ ใครที่อยากร่วมธุรกิจกับเราถ้ายังไม่พร้อมโทรมาปรึกษาเราได้เพราะเรามีทีมการตลาดให้คำปรึกษาให้เห็นผลประกอบการ และ กำไร ขอบคุณแฟนๆที่ทำให้ผมสู้ได้ทุกวันนี้ ขอบคุณภรรยาที่ไม่หนีไปไหน สุดท้ายก็อยากให้แฟนๆขายได้เหมือนเดิมครับ ใครดูรายการนี้อยู่เดี๋ยวบดค่าแฟรนไชส์ให้ครับ แต่จะเท่าไหร่นั้นเดี๋ยวหลังไมค์เลยครับพี่น้อง
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป



ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCmL7sBjm02WNURAOxGzq25w
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news





