ศบค. เตรียม 5 ยุทธศาสต์รองรับเปิดประเทศแบบไม่กักตัว ขอประชาชนระมัดระวังการจัดเลี้ยง ทำกิจกรรมตามประเพณีต่างๆ
แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวว่า มาตรการต่างๆ ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบเมื่อวันที่ 14 ต.ค.จะมีผลวันที่ 16 ต.ค. และคาดว่าจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายในวันที่ 15 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตามขอย้ำถึงแผนการเปิดประเทศโดยการเข้าราชอาณาจักรแบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่
โดยมี 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การเปิดประเทศแบบปลอดภัย, การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในกลุ่มเสี่ยง สถานที่เสี่ยง กลุ่มเปราะบาง, การเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข, การพัฒนาระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารความเสี่ยง, การสร้างกลไกบริหารจัดการแบบบูรณาการโดยวางเป้าหมายไว้ 4 เป้าหมาย คือ ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19, สร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันหมู่, ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ, เสริมสร้างสังคมและวัฒนธรรมให้ประชาชนกลับมาดำเนินกิจกรรมด้านสังคมและวัฒนธรรมได้
โดยแพทย์หญิงอภิสมัย ระบุว่า ในที่ประชุม ศปก.ศบค.วันนี้ มีการพูดคุยถึงแผนรองรับการเปิดประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศเสนอ เรื่องการใช้ไทยแลนด์พลัส เป็นการเปลี่ยนแปลงการใช้เอกสารสำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย เดิมใช้ COE จากนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข จะพิจารณาร่วมกันที่จะใช้ ไทยแลนด์พลัส สามารถเดินทางได้หากมีการตรวจพบว่าได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว มีผลตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง โดยขณะนี้มี 2 ประเทศที่ได้ส่งฐานข้อมูลการฉีดวัคซีนของประชากรมาแล้ว เมื่อหลังตรวจโดยระบบอิเล็คทรอนิกส์ก็จะสามารถจับคู่กันได้เลยว่าคนที่ลืมเรื่องขอเข้าประเทศไทยคนนี้ มีผลยืนยันการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทางแล้วแน่นอน สามารถกระทำได้ในทันทีก็จะทำให้ขั้นตอนรวดเร็ว มากขึ้น เดิมต้องขออนุญาตเดินทางเข้าประเทศไทย 3-6 วัน ลดเหลือ 1-3 วัน ซึ่งจะมีรายละเอียดในเว็ปไซต์กระทรวงสาธารณสุขต่อไป และเรื่องประกันสุขภาพก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญ จำเป็นซึ่งเป็นหลักประกันสุขภาพให้กับนักเดินทาง ให้ได้รับการรักษาอย่างปลอดภัย ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการชี้แจงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
