“หนึ่งภาคภูมิ”น้องรักหักเหลี่ยม “บิ๊กโจ๊ก”แฉปมทอง 246บาท
ชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังคงเป็นกระแสในสังคม อย่างต่อเนื่อง หลังจาก ตัวเขาถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ แต่เขายังเดินหน้าเรียกร้องหาความเป็นธรรม และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบทบาท นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ยังคงทำงานด้านมวลชน ควบคู่กันไป
ในส่วนของคดีที่เกี่ยวข้องกับ บิ๊กโจ๊ก ที่เจ้าตัวมั่นใจว่า พยานหลักฐานไม่สามารถเอาผิดได้ ทั้งเรื่องเส้นเงินจากเว็บพนันออนไลน์ ที่ล่าสุดศาลอาญากรุงเทพใต้ยกฟ้องบัญชีม้า ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ อดีตลูกน้องคนสนิท ของบิ๊กโจ๊ก รวมถึงคดีที่ถูกพาดพิงเรื่อง ข้อสอบจุฬาลงกรณ์ ที่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับบิ๊กโจ๊กแต่อย่างใด
แต่ล่าสุด อดีตลูกน้องคนสนิท ซึ่งถือว่าเป็นมือขวาของ บิ๊กโจ๊ก นั่นคือ พ.ต.อ. ภาคภูมิ พิสมัย กลับลำ ไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม บิ๊กโจ๊ก และ ออกมาแฉ บิ๊กโจ๊ก โดย กล่าวอ้าง มีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบสำนวนไต่สวนของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กับพวก เพื่อขอให้พ้นผิดคดีที่เส้นเงินคนใกล้ชิดไปโยงเกี่ยวกับเว็บการพนัน ในห้วงปี 2567 โดยการมอบทองคำน้ำหนัก 246 บาท
ซึ่ง พ.ต.อ.ภาคภูมิ อ้างว่า ตนเองได้รับคำสั่งให้เป็นผู้นำทองจำนวนดังกล่าว ไปมอบให้กับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ด้วยตนเอง มีการส่งมอบกัน ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ และมีการถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานด้วย มีการส่งมอบกันเมื่อวันที่ 1 ก.ย.67
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะ รองหัวหน้าคณะชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งขึ้น ระบุว่า เจ้าหน้าที่ชุดคณะทำงาน ได้ระดมกำลังตรวจค้นหาทรัพย์สิน รวมทั้งพยานหลักฐานเอกสารสำคัญต่างๆ ทั้งหมด 11 จุด ที่เกี่ยวพันเชื่อมโยงกับคดีการติดสินบนกรรมการ ป.ป.ช จากการตรวจค้นสามารถตรวจยึดทองคำแท่งได้ประมาณ 120 บาท จากบ้านของ ผู้ถูกกล่าวหารายหนึ่ง รวมทั้งยึดเอกสารต่างๆ จำนวนมาก ในหลายสถานที่
และเมื่อวันศุกร์ที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมให้การปฏิเสธ หลังสอบสวนพิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จ ได้เดินทางกลับ
ขณะที่ นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มอบอำนาจให้ทีมทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.เอกภาคภูมิ ในข้อหาแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา
โดยทนายความ ระบุว่า การที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอื่นอยู่แล้ว ออกมากลับคำให้การเช่นนี้ มองว่าเป็นปัญหาความขัดแย้งภายในของฝั่งตำรวจเอง ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการกล่าวหาว่ารับสินบน ตัวผู้แจ้งความจะต้องมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานด้วย แต่หากเป็นเรื่องไม่จริง จะเข้าข่ายความผิดฐานแจ้งความเท็จทันที พร้อมย้ำว่า ท่านเอกวิทย์ไม่เคยมีทองคำแท่งตามที่ถูกกล่าวหา ไม่เคยเดินทางไปที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ และที่สำคัญคือไม่เคยรู้จักกับ พ.ต.อ. ภาคภูมิ เป็นการส่วนตัว เคยพบกันเพียงครั้งเดียวในขั้นตอนการไต่สวนตามหน้าที่เท่านั้น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำข้อมูลมามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมย้ำว่า ไม่เคยรู้เห็นเกี่ยวกับการติดสินบนเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และทองคำแท่งจำนวน 246 บาท โดยพร้อมพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม
ส่วนกรณีของ พ.ต.อ.ภาคภูมิ อดีตลูกน้องคนสนิทของตนเอง ที่ พลิกบทบาทเป็นพยานในคดีนำข้อมูลแจ้งความตนเองนั้น ยอมรับว่าเสียใจกับการกระทำที่เกิดขึ้น แต่เชื่อว่าไปหลงเชื่อคำกล่าวอ้างของบุคคลอื่น เพื่อจะได้กลับเข้ารับข้าราชการตำรวจอีกครั้ง เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นขบวนการกลั่นแกล้งตนเองให้ถูกดำเนินคดี พร้อมระบุว่าอีกหนึ่งประเด็นที่อาจทำให้ลูกน้องคนสนิทโกรธเคืองตน เชื่อว่าเป็นกรณีที่ไปไลฟ์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง พ.ต.อ.ภาคภูมิ กับมินนี่ ทำให้กระทบต่อครอบครัว จึงมีการโทรศัพท์มาต่อว่าตน ก่อนเกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





