“รังหนอนสีเทา” VS “รังของหนู” ฉายาสภาปี 68
แม้สภาผู้แทนราษฏร จะยุบสภาแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงของการเลือกตั้งใหม่โดยแต่ละพรรคได้ส่งผู้สมัคร เสนอตัวให้ประชาชน เป็นผู้พิจารณาเลือกตั้งกันอีกครั้ง แต่ผู้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ก็ยังคงทำหน้าที่ ตั้ง”ฉายาสภา” ตามธรรมเนียมปฏิบัติเหมือนทุกปีเพื่อสะท้อนความคิดเห็นต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้ง สส.และ สว. ในช่วงที่ผ่านมา ก่อนจะมีการยุบสภา ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง แบบหยิกแกมหยอก
โดย”สภาผู้แทนราษฎร” ได้รับฉายา “รังหนอนสีเทา” พร้อมคำอธิบายว่าหากเปรียบสภาเป็นร่างกาย ในปีนี้ถูกมองว่ามีการกัดกินผลประโยชน์ภายในร่างกายจนเน่าเฟะ สส.หลายคนถูกตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมและการทำหน้าที่ที่ไม่ยึดโยงกับประโยชน์ส่วนรวม แต่กลับมุ่งเน้นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง เหมือนหนอนที่รุมชอนไช อยู่ภายในซากที่รอวันเสื่อมสลาย ส่วนคำว่า “สีเทา” สะท้อนถึงพฤติกรรมของนักการเมืองที่อยู่ในสภาไม่มีใครขาวสะอาดอย่างแท้จริง เพราะปรากฎข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับผลประโยชน์ทับซ้อน ในระดับที่กฎหมายอาจเอื้อมไม่ถึง จนทำให้ภาพลักษณ์ของสภาในปีนี้ ถูกมองว่าไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติแต่มุ่งแสวงหาอำนาจให้กับตนเองและพวกพ้อง
ดังนั้น “รังหนอนสีเทา” จึงหมายถึง สภาที่รวบรวมเหล่านักการเมืองที่ขาดความสง่างามมุ่งเน้นการกัดกินงบประมาณและอำนาจผ่านการดีลผลประโยชน์ข้ามขั้ว โดยไม่สนจุดยืนทางการเมืองและหน้าที่ของตนเอง
ส่วน”วุฒิสภา” ได้รับฉายา “รังของหนู” โดยอธิบาย ว่า สภาสูงเปรียบเสมือนที่รวมบุคคลต่าง ๆซึ่งมาจากหลายสาขาอาชีพ แต่พฤติกรรมของวุฒิสภากลับถูกมองว่าเป็นคนของผู้มีอำนาจ และอยู่ภายใต้พรรคการเมืองหนึ่ง เปรียบเหมือนหนูที่อยู่ในรัง มีการจับกลุ่มกันจนถูกตั้งข้อครหาว่า “พวกมากลากไป” ใช้กลไก “จริยธรรม” เล่นงานเสียงข้างน้อย ให้ไม่มีที่ยืน แม้รัฐบาล “นายกฯ หนู” จะอ้างว่าไม่สามารถสั่ง สว.ชุดนี้ได้
แต่เสียงข้างมากก็ยังไม่มีแตกแถว
“มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา “หมงล้งบุรีรัมย์” พร้อมคำอธิบาย ว่า”เฮียหมง” หรือ “เสี่ยหมง” ชื่อเล่นของ “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภาสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดูมีความสุขและเชี่ยวชาญกับบทบาท “เถ้าแก่ล้งผลไม้”มากกว่าการเป็นประมุขสภาสูง จากการสวมบทบาทเถ้าแก่ล้งผลไม้พรีเซน”ทุเรียนน้ำแร่”ของดีบุรีรัมย์ และมังคุดเกรดเอระดับพรีเมียม อย่างน้ำไหลไฟดับ ทำยอดขายถล่มทลาย แต่พอไมค์จ่อปากถามประเด็นร้อนทางการเมือง กลับเกิดอาการ “โรคกลัวดอกพิกุลจะร่วง”ไม่ยอมพูดยอมจาพร้อมเอ่ยปากด้วยวลีเด็ด “ประธานต้องเป็นกลาง เขาไม่ให้พูด”ต่างจากตอนขายทุเรียนลิบลับ นอกจากนี้ นายงมงคล” ยังได้ตำแหน่ง
ดาวดับ ร่วมกับ เพื่อ สว.อีก 2 คน คือ นายอลงกต วรกี และนายเศรณี อนิลบล ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ เป็นฤดูกาลหาเสียงเลือกตั้ง สื่อมวลชน จึงงดให้ฉายาประธานสภาผู้แทนราษฏร, ผู้นำฝ่ายค้าน และดาวสภา เพราะอาจอาจถูกนำไปโจมตีกันหรือสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ยังคงมีวาทะแห่งปี โดยเป็นคำพูดของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ที่ระบุ “วันนี้เราไม่ได้เลือกคุณอนุทิน มาบริหารประเทศ เราเลือกคุณอนุทิน ชาญวีรกูลมายุบสภาผู้แทนราษฎร ภายใต้กรอบเวลาที่ตกลงกัน” ในการอภิปรายปิดท้ายการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูลเป็นนายกฯ คนที่ 32 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 และเหตุการร์แห่งปีก็คือการที่ สส.พรรคประชาชน ยกมือโหวต นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และการประกาศยุบสภา ให้มีผล ในวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คู่ปรับแห่งปี ในปีนี้ ตกเป็นของ “สว.พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์และ สว.นันทนา นันทวโรภาส” ที่มักจะมีวิวาทะกันตลอด ไม่ว่า น.ส.นันทนาจะอภิปรายวาระอะไร นายพิสิษฐ์ มักจะลุกขึ้นโต้แย้งด้วยเหตุผล
ในมุมของตนเองอยู่เป็นประจำถึงขั้นไล่ น.ส.นันทนา ออกจากห้องประชุมและให้น.ส.นันทนาไปหาหมอ เพราะเป็นห่วงว่าจะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำขณะที่น.ส.นันทนา เมื่อออกมาให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวก็มักจะเหน็บแนม
นายพิสิษฐ์ เป็นประจำ ทั้งหมดนี้คือเสียงสะท้อนของสื่อมวลชน ที่มีต่อการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ในรอบปี 2568 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปหยิกนิด หยอกหน่อย แซวกันบ้าง แซะกันบ้าง ตามประสาคนทำงานมาด้วยกันทั้งปี
และถือเป็นสีสันช่วงส่งท้ายปี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





