“ปีใหม่ 2569 รถแน่นทั่วไทย ตำรวจคุมเข้ม 7 วันอันตราย”
เทศกาลปีใหม่ 2569 กลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่การเดินทางคึกคักและถูกจับตามองมากที่สุดในรอบหลายปี หลังรัฐบาลประกาศวันหยุดยาวต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมหาศาลหลั่งไหลกลับภูมิลำเนาและออกท่องเที่ยวพร้อมกันทั่วประเทศ
ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 27 ธันวาคมเป็นต้นมา ถนนสายหลักทั่วทุกภูมิภาคเริ่มเผชิญกับปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถนนมิตรภาพสายอีสาน รถสะสมยาวหลายสิบกิโลเมตร ขณะที่ถนนพหลโยธินและเอเชียขาขึ้นภาคเหนือและภาคกลางตอนบน การจราจรชะลอตัวเป็นช่วง ๆ ภาพรถติดยาวข้ามจังหวัดถูกแชร์ต่อในโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นกระแสสะท้อนความกังวลของประชาชนต่อการเดินทางปลายปี
ขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ยกระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยสูงสุด เปิดแผนป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วง 7 วันอันตราย ระดมกำลังตำรวจจราจร ตำรวจทางหลวง และอาสาสมัคร กว่าแสนราย ตั้งจุดตรวจ จุดบริการ และจุดพักรถตลอดเส้นทางสายหลักและสายรอง พร้อมเพิ่มความถี่ในการตรวจวัดแอลกอฮอล์ และการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด
ไฮไลต์สำคัญของปีใหม่ 2569 คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ดูแลจราจรอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นกล้องอัจฉริยะ ระบบ AI ตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยง การเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์ไปยังศูนย์ควบคุมส่วนกลาง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถสั่งการแก้ไขปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุได้รวดเร็วขึ้น ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายยุคดิจิทัล
อีกหนึ่งประเด็นที่เป็นกระแสและได้รับความสนใจจากสังคม คือการคุมเข้มรถโดยสารสาธารณะ หลังเหตุอุบัติเหตุรถทัวร์ในช่วงก่อนหน้านี้ ปีนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งสภาพรถ ประวัติคนขับ ชั่วโมงการทำงาน และความพร้อมก่อนออกเดินทางอย่างละเอียด ประชาชนจำนวนมากแสดงความเห็นสนับสนุนมาตรการดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
แม้ภาพการจราจรจะหนาแน่นในหลายพื้นที่ แต่สถิติอุบัติเหตุในบางจังหวัดเริ่มลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ของมาตรการเชิงรุก การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงความร่วมมือของประชาชนที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่าเดิม
ปีใหม่ 2569 จึงไม่ใช่เพียงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองและการกลับบ้าน แต่เป็นบทสะท้อนสำคัญของการบริหารจัดการจราจร ความพร้อมของเจ้าหน้าที่รัฐ และความรับผิดชอบร่วมกันของผู้ใช้ถนน เพื่อให้ทุกการเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และเริ่มต้นปีใหม่ด้วยชีวิตที่ไม่สูญเสีย
ด้าน พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศจร.ตร. กล่าวว่า ได้กำชับให้ทุกหน่วยอำนวยความสะดวกการจราจรควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด โดยมุ่งเน้นการป้องกันอุบัติเหตุจากพฤติกรรมเสี่ยงเป็นหลัก
เช่น เมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน และฝากเน้นย้ำไปยังประชาชนผู้ขับขี่ขอให้ตรวจสอบความพร้อมของสภาพรถก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะระบบเบรก ยางรถ และไฟส่องสว่าง สวมหมวกนิรภัยและคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่โดยไม่มีข้อยกเว้น
รวมถึงหลีกเลี่ยงการขับขี่ในขณะมึนเมาหรือมีอาการง่วงนอน ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงและการสูญเสียชีวิต ซึ่งทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงได้เตรียมห้องพักทั่วประเทศไว้ให้พี่น้องประชาชนเข้าใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์อำนวยจราจร ศจร.ตร. เปิดเผยข้อมูลจากมูลนิธิเมาไม่ขับ ว่า ตั้งแต่วันที่ 1–26 ธันวาคม 2568 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสะสมแล้วกว่า 1,007 ราย สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการร่วมกันลดพฤติกรรมเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างจริงจัง
ศูนย์บริหารงานจราจรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ใช้รถใช้ถนนด้วยความมีสติและความรับผิดชอบ ตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทาง สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ และคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและขณะขับขี่ และหลีกเลี่ยงการขับขี่ในขณะง่วงนอน เพื่อร่วมกันลดความสูญเสียในช่วงเทศกาลปีใหม่
ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทาง แจ้งเหตุ หรือขอความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร โทร. 1197, สายด่วนตำรวจทางหลวง โทร. 1193, หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





