ทนายเกิดผล ขอโทษ หลังโพสต์คลาดเคลื่อน ปมซีลถูกจับค่าไถ่
เป็นประเด็นที่สร้างความตื่นตระหนกในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อ นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความบน Facebook ระบุว่าหน่วยซีลที่เข้าไปช่วยผู้ประสบภัยใน “เขต 8” หาดใหญ่ ถูกกลุ่มบุคคลจับเป็นตัวประกันและเรียกค่าไถ่ 40,000 บาท
ทำให้ประชาชนจำนวนมากเข้าใจว่าเกิดเหตุร้ายแรงในพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งกำลังเผชิญวิกฤตหนัก ก่อนที่โพสต์จะถูกลบในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง และเกิดเสียงวิพากษ์วุ่นวายตามมาต่อเนื่อง
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะเทือนความรู้สึกของประชาชนที่กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำท่วม แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ รวมถึงครอบครัวที่ไม่สามารถติดต่อผู้ปฏิบัติงานได้ในขณะนั้น จนเกิดความวิตกกังวลเป็นวงกว้าง
ภายหลังเกิดกระแส พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ได้ออกมาชี้แจงทันทีว่า ไม่มีรายงาน ว่าหน่วยซีลถูกทำร้ายหรือถูกจับเรียกค่าไถ่ และกำลังพลยังคงปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามปกติ พร้อมย้ำว่าภารกิจของทหารเรือครั้งนี้คือการนำอาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ช่วยเหลือเข้าสู่พื้นที่ ไม่ได้พกอาวุธหรือมีเจตนาเผชิญหน้าใด ๆ กับชาวบ้าน
โฆษกฯ
ยอมรับว่าพื้นที่เขต 8 เป็นจุดที่เข้าถึงยากและมีกระแสน้ำเชี่ยว ทำให้การเข้าช่วยเหลือล่าช้าในบางช่วง จนอาจเกิดความไม่พอใจของชาวบ้าน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดของบางคนหรือการสื่อสารคลาดเคลื่อนบนโซเชียล
ในส่วนภาพที่มีการแชร์ว่าทหารถืออาวุธเข้าพื้นที่ โฆษกฯ ชี้ว่าเป็นภาพ AI ชัดเจน และขอให้ประชาชนแยกแยะข้อมูลอย่างมีสติ เพราะในช่วงวิกฤตข่าวลือต่าง ๆ มักจะถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็วเกินกว่าจะตรวจสอบกองทัพเรือยืนยันว่าครั้งนี้ ไม่คิดดำเนินคดีกับใคร แต่หากมีโอกาสก็พร้อมเข้าไปพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ โดยเฉพาะกับผู้ที่หลงเชื่อข้อมูลผิด ๆ
ภายหลังเหตุการณ์ลุกลาม ทนายเกิดผลออกมาแถลงผ่านสื่อ พร้อมยกมือไหว้ขอโทษกองทัพเรือและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเปิดเผยว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจาก ความเข้าใจผิด หลังมีผู้สื่อข่าวช่องหนึ่งนำข้อความมาให้ดู พร้อมให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อกฎหมายในพื้นที่น้ำท่วมสงขลา
ผู้สื่อข่าวรายนั้นนำข้อมูลอ้างว่า “หน่วยซีลถูกจับตัวเรียกค่าไถ่” และสอบถามความเห็นในทางกฎหมาย ทำให้ทนายเกิดผล—ในฐานะผู้ให้สัมภาษณ์—เชื่อข้อมูลนั้นว่าผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว หลังการสัมภาษณ์จึงเกิดความตกใจและโพสต์ลง Facebook ด้วยเจตนาต้องการเตือนสังคมให้จับตามองสถานการณ์ แต่กลับลืมพิจารณาถึงผลกระทบด้านความมั่นคงและความรู้สึกของครอบครัวเจ้าหน้าที่
ต่อมา เมื่อผู้สื่อข่าวในพื้นที่หาดใหญ่โทรกลับสอบถามว่า “ข่าวนี้จริงหรือไม่ เพราะไม่มีใครในพื้นที่ทราบเรื่อง” ทำให้ทนายเกิดผลเริ่มสงสัยและโทรกลับไปหา “ผู้สื่อข่าวต้นทาง” ซึ่งตอบว่า เป็นประเด็นจากกองบรรณาธิการ เท่านั้น ไม่ได้มาจากแหล่งข่าวในพื้นที่โดยตรง จึงทำให้ทนายเกิดผลตระหนักว่าถูกสื่อสารผิดพลาดและตัดสินใจลบโพสต์ทันที
ทนายเกิดผลเปิดใจว่า ตลอดชีวิตการทำงานไม่เคยพบเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นท้าทายอำนาจรัฐในพื้นที่อุทกภัย แม้ว่ามักมีเหตุลักเล็กขโมยน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่เคยพบเห็นการปล้นสะดม หรือการใช้กำลังกับเจ้าหน้าที่อย่างที่ถูกกล่าวอ้าง พร้อมมองว่าหากมีการกระทำผิดจริงก็ต้องพิจารณาเป็นรายกรรม
เช่น การยิงปืนเป็นการข่มขู่ การลักทรัพย์คือความผิดฐานลักทรัพย์ และหากมีผู้บงการก็อาจเข้าข่ายซ่องโจร เขาระบุว่ากรณีนี้ไม่ใช่บทเรียนเฉพาะตัวเอง แต่เป็นบทเรียนของ วงการสื่อและประชาชน ว่าต้องตรวจสอบข่าวให้ครบถ้วนก่อนเผยแพร่ โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลถูกแชร์เร็วและข้อมูลเท็จสามารถสร้างความเสียหายขนาดใหญ่ได้เพียงข้ามคืน
ในส่วนของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทนายเกิดผลยืนยันว่า ข้อกฎหมายกำหนดให้ต้องมี “ความเสียหาย” หรือ “ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์” ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครได้รับผลกระทบโดยตรงหรือมาแจ้งความดำเนินคดีกับตนเอง
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าเหตุการณ์นี้เป็นความผิดพลาดจากการ “ไม่ไตร่ตรองให้ดี” และพร้อมยอมรับผลทางกฎหมายหากมีผู้เกี่ยวข้องดำเนินเรื่องในอนาคต
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





