Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

ผู้เสียหาย ร้องโครงการอสังหาฯ หลังสูญพันล้าน

กลุ่มผู้เสียหายกว่า รวมตัวกันพร้อมเอกสารหลักฐานแน่นมือ เดินทางมาให้ปากคำต่อกองบังคับการปราบปราม นำโดย ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม และ นายเก่ง สุเชษฐ์ ผู้ช่วย เพื่อให้ตำรวจตรวจสอบโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่พัทยาและกรุงเทพฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าอาจเข้าข่าย “หลอกลวงประชาชน” หลังพบผู้เสียหายรวมกว่า 1,000 ราย สูญเงินรวมทะลุ 1,000 ล้านบาท

 

ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเริ่มทำตลาดตั้งแต่ปี 2566 ใช้กลยุทธ์โฆษณาผ่านออนไลน์อย่างหนัก ทั้งการนำเสนอภาพโครงการสุดหรู ราคาคุ้มค่า พร้อมคำชวนเชื่อถึงผลตอบแทนสูง สำหรับผู้ร่วมลงทุน เนื้อหาที่ถูกผลิตอย่างประณีตชวนให้เชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีความพร้อมและน่าเชื่อถือ จนสามารถดึงดูดทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง

 

แต่เมื่อถึงเวลาที่โครงการควรแล้วเสร็จ กลับพบความจริงอันโหดร้าย ผู้ร่วมลงทุนหลายร้อยรายไม่ได้รับทรัพย์สินตามที่สัญญาไว้ ส่วนบางคนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง กลับต้องเผชิญกับสภาพ ที่ว่างเปล่า—ไม่มีบ้าน ไม่มีคืนเงิน และไม่มีคำอธิบายใดจากโครงการ

 

หนึ่งในผู้เสียหาย “นางภา” วัย 44 ปี เล่าเรื่องราวที่สะเทือนใจว่า เธอรู้จักโครงการจากโฆษณาออนไลน์ที่ทำออกมาอย่างมืออาชีพ เมื่อสนใจจะมีเซลล์ติดต่อกลับทันที พร้อมโน้มน้าวด้วยข้อมูลที่ฟังดูน่าเชื่อ ถือสัญญาการันตีผลตอบแทนและแผนธุรกิจที่ดูมั่นคง เธอตัดสินใจลงทุนร่วมโครงการในพื้นที่พัทยา โดยหวังว่าจะสร้างรายได้เพิ่มให้ครอบครัว แต่สิ่งที่ตามมาคือหนี้สินล้นตัว

 

“เขาให้ความหวังกับคนที่ทุนทรัพย์น้อย หลายคนต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เอาบัตรเครดิตมารูดเพื่อคว้าโอกาสที่เขาบอก แต่สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย นอกจากหนี้ สภาพครอบครัวพังหมด บางคนไม่มีบ้านอยู่ ต้องเร่ร่อนด้วยซ้ำ” เธอกล่าวทั้งน้ำตา

 

ดร.แทนคุณ ระบุว่าอีก ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายหลายคนเคยพยายามแจ้งความที่โรงพักท้องที่ แต่กลับถูกปฏิเสธเพราะมองว่าเป็น “คดีแพ่ง” จึงจำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่กองปราบเพื่อพิจารณาในมุมคดีอาญา โดยต้องการให้ตรวจสอบว่าโครงการมีเจตนาฉ้อโกงหรือเผยแพร่ข้อมูลเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่

 

 

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทีมผู้เสียหายพบข้อมูลน่าตั้งข้อสงสัยหลายอย่าง ได้แก่ ผู้ประกอบการอยู่ระหว่าง ถูกพิทักษ์ทรัพย์ ผู้รับเหมาต่างทยอยถอนตัว เพราะบริษัทขาดสภาพคล่อง

 

มีคดีความมากกว่า 3 คดีอยู่ระหว่างดำเนินการ โครงการยัง เปิดรับเงินลงทุนใหม่ ทั้งที่ไม่สามารถส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ได้จริง ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่—โครงการนี้ตั้งใจทำธุรกิจจริง หรือรู้อยู่แล้วว่าทำไม่ได้แต่ยังรับเงินประชาชน?

 

ดร.แทนคุณเน้นย้ำว่า การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งบริษัท แต่ต้องการเตือนประชาชนให้ตระหนัก เพราะจากรูปคดีและลักษณะการชักชวนลงทุน มีความเสี่ยงสูงว่าผู้เสียหายอาจเพิ่มขึ้นอีก หากปล่อยให้โครงการดำเนินการต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube