“หมิว” จุดไฟเปลี่ยนแปลง ”แบดไทย” ทั้งระบบ

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประเด็นร้อนเเรงที่ทำให้วงการแบดมินตันไทยต้อง “สั่นสะเทือน” เมื่อเกิดกรณีที่นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยหลายคน ถูกหักเบี้ยเลี้ยงอย่างหนัก โดยให้เหตุผลว่า “ไม่ได้เข้าทดสอบสมรรถภาพร่างกายตามกำหนด” ซึ่งตามระเบียบถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาและประเมินศักยภาพนักกีฬาในโครงการทีมชาติ

 

แต่สิ่งที่กลายเป็น “ชนวนระเบิด” คือ ข้อเท็จจริงที่ว่า นักกีฬาหลายคนไม่ได้ขาดการทดสอบเพราะละเลยหน้าที่ แต่เพราะ ติดภารกิจแข่งขันเพื่อชาติ ในรายการระดับโลก ซึ่งอยู่ในปฏิทินแข่งขันที่สมาคมเองก็รับรู้เป็นอย่างดี

 

ผลลัพธ์คือ เบี้ยเลี้ยงที่นักกีฬาได้รับ ถูกหักลงอย่างมาก จากเดือนละ 60,000 บาท เหลือเพียงหลักพันบาท โดยเฉพาะสองซูเปอร์สตาร์อย่าง “เมย์” รัชนก อินทนนท์ และ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ที่ถูกหักจาก 60,000 เหลือเพียง 6,000 บาทเท่านั้น ขณะที่นักกีฬาคนอื่น ๆ เหลืออยู่แค่ 20,000–40,000 บาท แล้วแต่กรณี

 

เรื่องนี้กลายเป็นไฟลุกลาม เมื่อ “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมือ 1 ของไทย มืออันดับ 6 ของโลก เจ้าของ 4 เหรียญทองซีเกมส์ และแชมป์เวิลด์ทัวร์ 3 รายการ ออกมา “ทนไม่ไหว” กับระบบที่เธอมองว่าไม่ยุติธรรม และ ตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขันซีเกมส์ ทันที

 

เธอให้เหตุผลอย่างตรงไปตรงมาว่า ไม่พอใจการทำงานของฝ่ายพัฒนานักกีฬาภายใต้สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ที่ “ไม่ปกป้องสิทธิ์ของนักกีฬา” ทั้งที่ทุกคนทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อชาติ แต่กลับต้องมาเสียผลประโยชน์เพราะข้อบังคับที่ขาดความยืดหยุ่นและไม่เป็นธรรม

 

หลังการตัดสินใจของหมิว กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่ววงการกีฬา เธอไม่ได้ออกมาในฐานะ “ผู้เสียหายรายหนึ่ง” เท่านั้น แต่เป็น “ตัวแทนของนักกีฬา” ที่ลุกขึ้นพูดแทนคนอื่นที่ไม่มีโอกาสได้เปล่งเสียง

 

หมิวได้เดินทางเข้าพบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อพูดคุยและเสนอแนวทางปรับปรุงระบบการดูแลนักกีฬา โดยเธอยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้มีเจตนาโจมตีสมาคม แต่ต้องการให้เกิด “การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง”

 

หลังจากการเข้าพบในวันนั้น หมิวได้ตัดสินใจกลับมาช่วยทีมชาติไทยอีกครั้ง พร้อมโพสต์ข้อความบนโซเชียลว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบที่ดีกว่าเดิม เพื่อให้นักกีฬารุ่นต่อไปไม่ต้องเจอแบบที่เราเจอ”

 

แรงกดดันจากสังคม และกระแสในโลกออนไลน์ที่เริ่มร้อนแรง ทำให้สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยต้องออกมาขยับ โดยประกาศว่า จะมีการมอบ เงินเบี้ยเลี้ยงชดเชย ให้กับนักกีฬาที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ “หมิว” พรปวีณ์, “เมย์” รัชนก และ “วิว” กุลวุฒิ

 

พร้อมทั้งจะมอบ ลูกแบดฝึกซ้อม ให้กับนักกีฬาทีมชาติซีเกมส์ทุกคน เพื่อใช้เตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ที่บ้านทองหยอด เวลา 14.00 น.

 

แม้จะเป็นสัญญาณของ “การแก้ไข” แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า สิ่งที่สมาคมทำเป็นเพียง “การเยียวยาระยะสั้น” ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

 

หลังจากสมาคมประกาศแนวทางดังกล่าว “หมิว” ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้ง ซึ่งกลายเป็นไวรัลภายในไม่กี่ชั่วโมง โดยเธอระบุว่า “หมิวไม่ได้อยากให้มันจบแค่ การที่หมิวได้รับเงินคืนและลูกแบด นี่คือสิ่งเริ่มต้น ที่สมาคมควรทำ แต่สิ่งสำคัญที่หมิวเรียกร้องคือ ‘การเปลี่ยนแปลง’”

 

พร้อมเสริมอีกว่า “นักกีฬาที่ได้รับผลกระทบ ยังมีอีกมากมายที่สมาคมมองข้าม และไม่ได้รับการใส่ใจ ช่วยพิจารณาด้วยค่ะ”

 

คำพูดของเธอกลายเป็นเสียงเรียกร้องที่ก้องกังวานไปทั่วสังคมกีฬา เพราะนี่ไม่ใช่เพียงการเรียกร้องเรื่องเงินทอง แต่คือการเรียกร้อง “ศักดิ์ศรี” ของความเป็นนักกีฬาไทย

 

หลายฝ่ายในวงการกีฬาไทยออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีนี้ โดยมองว่า นี่คือ “จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” ที่แท้จริง เพราะที่ผ่านมา ปัญหาความไม่เป็นธรรมในการบริหารจัดการงบประมาณ หรือระบบดูแลนักกีฬา มักถูกมองข้าม

 

อดีตนักกีฬาทีมชาติรายหนึ่งกล่าวว่า “สิ่งที่หมิวทำคือสิ่งที่หลายคนอยากทำ แต่ไม่มีโอกาสพูด เพราะกลัวจะเสียสิทธิ์หรือถูกตัดชื่อออกจากทีม เธอกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ถูกต้อง”

 

กรณี “หักเบี้ยเลี้ยง” อาจดูเป็นเพียงเรื่องเล็กในสายตาบางคน แต่สำหรับนักกีฬาที่อุทิศทั้งชีวิตให้กับการฝึกซ้อมเพื่อชาติ มันคือ “ความไม่ยุติธรรมที่ฝังรากลึก” การที่ “หมิว พรปวีณ์” กล้าลุกขึ้นทวงสิทธิ์ ไม่เพียงเพื่อเงินไม่กี่หมื่นบาท แต่เพื่อความถูกต้องและศักดิ์ศรีของนักกีฬาทุกคน เธอกลายเป็น “เสียงแห่งการเปลี่ยนแปลง” ที่หลายคนเฝ้ารอฟังมานาน

 

ไม่ว่าบทสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เหตุการณ์ครั้งนี้ได้จุดประกายคำถามสำคัญว่า “ระบบกีฬาของไทยดูแลนักกีฬาของตัวเองดีพอแล้วหรือยัง?” และคำตอบนั้น… อาจกำลังเริ่มต้นจากเสียงเล็ก ๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่า “หมิว พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์.”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews