27องค์กรภาคประชาชนเคลื่อนไหว ขอสหรัฐยกเลิก MOU แร่แรร์เอิร์ธกับไทย
หลังจากรัฐบาลไทยได้ลงนาม MOU กับสหรัฐฯ ภายใต้หัวข้อ “ความร่วมมือในการกระจายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุวิกฤตและส่งเสริมการลงทุน” ซึ่งรวมถึงแรร์เอิร์ธ ด้วย โดยรัฐบาลไทยยืนยันว่า MOU ดังกล่าวเป็นเอกสารที่ ไม่ผูกพันทางกฎหมาย และไม่ได้ให้สิทธิพิเศษเฉพาะแก่สหรัฐฯ สำหรับการขุดหรือควบคุมแร่ในไทย
จุดประสงค์ของ MOU ได้แก่การแลกเปลี่ยนความรู้ทางเทคนิค การพัฒนาอุตสาหกรรมแร่ในไทย การส่งเสริมการลงทุน และการประสานงานด้านกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้ไทยอยู่ในห่วงโซ่แร่ที่มั่นคงมากขึ้น
หลังจากเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่สู่สาธารณะชนหลายคนมีความห่วงใยว่า ถึงแม้เอกสารจะไม่ผูกพัน แต่มี “ช่องทาง” ที่สหรัฐฯ อาจได้สิทธิ “โอกาสแรก” ในโครงการแร่ไทย หากมีการขุดหรือแปรรูปในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ไทยตกอยู่ในตำแหน่งที่ถูกใช้ประโยชน์จากต่างชาติ
ขณะที่นักสิ่งแวดล้อมชี้ว่า ไทยยังมีปัญหากับการขุดแร่ในพื้นที่ชายแดน (โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน) ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และชีวิตชุมชนแล้ว เช่น กรณีแร่แรร์เอิร์ธในพม่า ซึ่งส่งผลต่อแม่น้ำสาขาในภาคเหนือของไทย
ขณะที่วันนี้ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน พร้อมด้วย เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ รวม 27 องค์กร รวมหน้าสถานฑูตสหรัฐ เพื่อร่วมกันแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่เห็นด้วยกับการ ทำ MOU แร่หายาก บริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา
นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน บอกว่า ประเทศไทยมีปัญหา จากการทำเหมืองที่เมียนมาส่งทบผลกระทบข้ามพรมแดนมายังแม่น้ำกกฝั่งไทย ซึ่งถือเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงมาก จึงมองว่าสิ่งที่สหรัฐกับไทยต้องทำคือ MOU แก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน จากการดำเนินการทำเหมืองแร่สำคัญ แร่หายาก และแร่อื่น ๆ มากกว่า
นายเลิศศักดิ์ ยังบอกว่า เนื้อหาใน MOU ขัดแย้งกับสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดว่า ไม่มีความสำคัญไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย บอกว่านี่คือเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐสหรัฐอเมริกาที่ ต้องการช่วงชิงแร่หายาก จากประเทศจีนโดยใช้ไทย เป็นช่องทางนำเข้าแร่เหล่านั้น พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการทำเหมืองแร่ในประเทศไทยมากขึ้น
ขณะที่ น.ส.สุภาภรณ์ มาลัยลอย ตัวแทนเครือข่ายประชาชน ผู้เป็นเจ้าของแร่ ตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลว่าทำไมก่อนจะเซ็น MOU ถึงไม่ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อน ไม่ใช่มาบอกว่า ถ้ามีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก็สามารถยกเลิก MOUได้ อย่างประเทศไทยที่ผ่านมามีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่มาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังไปเซนMOU ร่วมกับสหรัฐฯ โดยที่ไม่ผ่านกระบวนการรับรู้ของคนในประเทศเลย
ด้านนายสุทธิเกียรติ คชโส ตัวแทนเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่บอกว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยเคยทำผิดพลาด จากการลงนามในสัญญาแร่โปแตช จ. อุดรธานี และ แร่ทองคำ ที่ จ. เลย ซึ่งเป็นการให้สิทธิสำรวจและทำเหมืองเกินขอบเขตของกฎหมายแร่ของไทย ทำให้เกิดสัญญาผูกขาดและเป็นสัญญานิรันดร ซึ่งเป็นลักษณะที่คล้ายคลึง และอาจขัดต่อกฎหมายแร่ของไทยไม่ต่างจาก MOU ฉบับนี้
ทั้งนี้มีข้อห่วงใยและการแจ้งเตือนจากกลุ่มนักวิชาการ ว่า ไทยอาจถูกบีบให้เลือกข้างในเกมการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน ที่ถือครองแร่แรร์เอิร์ธส่วนใหญ่ของโลก และหากไทยเข้าไปมากกับสหรัฐฯ เพียงฝ่ายเดียว อาจเกิดผลเสียทางการค้า หรือถูกจีนใช้เป็นเครื่องมือกดดัน ทางการค้าในอนาคตเช่นเดียวกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





