ไทยกัมพูชา “ขัดแย้ง-สู้รบ-สแกมเมอร์-ข้อตกลงสันติภาพ”
ความขัดแย้งเขตแดนไทยกัมพูชา เริ่มต้นจากการตีความเส้นเขตแดนแผนที่ภาคผนวกที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นในปี 2450 กรณีปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งในปี 2502 กัมพูชา ได้ฟ้องต่อศาลโลก และ ปี 2505 ศาลโลกจึงมีคำตัดสินว่า ตัวปราสาทเขาพระวิหาร ตั้งอยู่ในดินแดนของกัมพูชา แต่ไม่ได้ระบุขอบเขตพื้นที่โดยรอบปราสาท 4.6 ตารางกิโลเมตรอย่างชัดเจน
และเป็นที่มาของการปะทะรุนแรงปี 2554 สมัยรัฐบาล”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก่อนจะมีการร้องศาลโลก และมีการตัดสินอีกครั้ง สถานการณ์ก็คลี่คลายไประดับหนึ่ง กระทั่งมาขัดแย้งกันอีกรอบ หลังรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” มีแผนดันเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เปิดคาสิโนเสรี และปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ชายแดนไทยกัมพูชาตึงเครียด รอบใหม่ ตั้งแต่ต้นปี 2568 ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ มีชาวกัมพูชาเข้ามาร้องเพลงชาติที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ เดือนต่อมามีการเผาศาลาตรีมุข มีการขุดคูเลตรุกล้ำ เดือนพฤษภาคม มีการยิงปะทะกันที่ช่องบก ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย
ทำให้สถานการณ์เริ่มบานปลาย จนต้องควบคุมเปิดปิดด่านชายแดนแบบเข้มงวด มีการปล่อยคลิปเสียง “แพทองธาร กับอังเคิล” ต่อมาทหารเหยียบกับระเบิด ซ้ำแล้วซ้ำอีก ต้องประกาศปิดด่านชายแดนถาวร และตามมาด้วยการสู้รบ โดยที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน โจมตีเป้าหมายพลเรือน สาธารณูปโภค โรงพยาบาล บ้านเรือนประชาชน
ทหารไทยต้องตอบโต้กลับแบบสมน้ำสมเนื้อ เป็นเวลา 5 วัน ระหว่างวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารและชาวบ้านชายแดนเสียชีวิตไปกว่า 30 คน บาดเจ็บอีกหลายร้อย ก่อนมีการเจรจาหยุดยิง โดยมาเลเซีย เป็นคนกลาง สหรัฐฯ และจีน เป็นผู้สังเกตุการณ์ มีข้อตกลง มีเงื่อนไขนำไปสู่สันติภาพ ผ่านกระบวนการพูดคุย “RBC-GBC-JBC” และมีทิศทางดีขึ้นตามลำดับ
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทย-กัมพูชา ถึง 2 คณะ เพื่อหาแนวทางยุติความขัดแย้งชายแดน เจบีซี ที่จังหวัดจันทบุรี และ จีบีซี ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
โดยก่อนประชุม ฝั่งไทย ส่งสัญญาณเข้มๆ ถ้าตกลงอะไรไม่ได้ ก็จะไม่มีการเจรจาอีกต่อไป และทั้ง 2 วง ก็มีความคืบหน้าในเชิงบวก “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รัฐมนตรีต่างประเทศ ยืนยันว่า ทุกอย่างที่ไทยให้ความสำคัญ “ถอนอาวุธหนัก-เก็บกู้ทุ่นระเบิด-กวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติสแกมเมอร์- นำชาวเขมรออกจากดินแดนไทยที่หนองจาน หนองหญ้าแก้ว”
ตกลงกันได้ในระดับหนึ่ง และหากทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะลงนาม ประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่มาเลเซีย ซึ่งมี ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย แต่คล้อยหลังไม่นาน”ฮุน มาเนต” นายกฯกัมพูชา ก็ระบุว่าจำใจต้องยอมรับ 4 เงื่อนไขของไทย
และที่ประชุม เจบีซี ได้บรรลุตกลง สำหรับการปักหลักเขตแดนชั่วคราว โดยใช้ แผนที่ 1 : 2 แสน ทำให้รัฐบาลไทย ต้องออกมาตอบโต้การบิดเบือน ของนายกฯเขมร เพราะที่ประชุมเจบีซี ไม่มีการหารือ หรือข้อตกลงใด ๆ เกี่ยวกับการใช้แผนที่ 1 : 2แสน เลย
ดังนั้น ทันทีที่มีการประกาศจะมีการลงนามรื้อฟื้นความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา ก็มีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มประชาชน และทหารตามแนวชายแดน ในพื้นที่สู้รบช่วงที่ผ่านมา ว่าถูกต้องเหมาะสมแล้วหรือไม่ กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น
ตลอดจนมีการตั้งคำถาม เกี่ยวกับเงื่อนไขการปราบปรามสแกมเมอร์ ว่าจะไว้ใจกัมพูชาได้มากน้อยเพียงใด เป็นการโอนอ่อนเพื่อผ่อนอารมณ์ของนานาชาติ ที่พุ่งเป้ากวาดล้างสแกมเมอร์ในเขมรหรือไม่ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เกือบ 3 เดือน ของการเจรจาหลังหยุดยิง กัมพูชาไม่ได้แสดงความจริงใจ หรือตอบรับอะไรเลย ในการแก้ปัญหาชายแดน
จนถูกนานาชาติล้อมกรอบ กดดันปราบปรามสแกมเมอร์ จึงมายอมรับข้อเสนอของไทย ดังนั้น ข้อตกลงสันติภาพระหว่างกัมพูชา กับไทย คือความสำเร็จที่แท้จริง ที่จะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้ง หรือเป็นเพียงมาตรการตบตา เอาใจสหรัฐฯ เพื่อเอาตัวรอดของเขมรเท่านั้น ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด….
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





