สร้างรั้วกั้นไทยกัมพูชา คำตอบสุดท้าย จบทุกปัญหา?
แนวคิดการสร้างรั้วกั้นชายแดนไทยกัมพูชา เพื่อเป็นการแก้ปัญหาจริงหรือไม่
แม้หยุดยิงมากว่า 2 เดือน แต่ชายแดนไทยกัมพูชายังคงตึงเครียด ยังมีปัญหาให้รัฐบาลใหม่ของ “อนุทิน ชาญวีรกุล” ต้องแก้ไขจากสิ่งที่รัฐบาล”แพทองธาร ชินวัตร” ทิ้งเอาไว้ มีการตรวจพบทหารกัมพูชาและชาวบ้านรุกล้ำเข้ามายึดครองพื้นที่ของไทยหลายจุด เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการผลักดัน และยึดพื้นที่คืน มีหลายคนหลายฝ่ายเคยเสนอแนวคิดสร้างกำแพง สร้างรั้วกันชายแดนถาวร เพื่อเป็นการแก้ปัญหา
โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนแรกๆ ที่ออกมาเสนอแนวคิดสร้างกำแพงกั้นไทยกับเขมร แต่ก็มีบางคน บางฝ่ายเห็นต่าง และมองว่าอาจเป็นการ แก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด ตั้งแต่รัฐบาลก่อน เช่น”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ผู้นำฝ่ายค้านจากพรรคประชาชน เคยระบุ โครงการรั้วชายแดน จำเป็นต้องพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณี ตามบริบท ของแต่ละพื้นที่ รวมถึง”ภูมิธรรม เวชยชัย”อดีตรักษาการนายกฯที่ระบุ การก่อสร้างรั้ว จำเป็นต้องรอผลการเจรจา และต้องผ่านกลไก GBC ก่อน
แต่ท้ายที่สุด รัฐบาลใหม่ของ”อนุทิน” ก็ผลักดันโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านความเห็นชองที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แะได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก โดยมอบหมายให้ กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบโครงการ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดพิกัดที่จะดำเนินการก่อสร้าง รวมถึงรายละเอียดทางเทคนิค และรูปแบบของรั้วที่จะนำมาใช้ ให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ และความจำเป็นทางยุทธศาสตร์ ของแต่ละพื้นที่ โดยโครงการนี้ นายกรัฐมนตรี ผู้นำเหล่าทัพ ได้แสดงท่าทีสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับความมั่นคงของชาติ ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ และตอบสนองเสียงเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่ชายแดน
ก่อนหน้าที่สมช.จะเห็นชอบสร้างรั้วชายแดน กองทัพไทย ได้วางแผนการก่อสร้างรั้วถาวรในระยะแรกแล้ว โดยเลือกพื้นที่จังหวัดสระแก้วเป็นลำดับแรก มีระยะทางรวม 23.6 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ ไม่มีปัญหาเรื่องแนวเขตแดนที่ซับซ้อน โดยมีคลองลึก และคลองพรมโหด เป็นเส้นแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติที่ 2ฝ่ายยอมรับร่วมกันแล้ว ทำให้สามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ทันที โดยรูปแบบของรั้ว จะมีความหลากหลายและปรับเปลี่ยนไปตามสภาพภูมิประเทศและความจำเป็นในการเฝ้าระวัง ซึ่งล่าสุด หลัง สมช.เห็นชอบ พล.ต.วิทัย ลายถมยา
โฆษกกองทัพไทย ยืนยันว่า หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา โดยหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 12 หรือ นพค.12 ได้ประสานงานกับ กองกำลังทหารพรานที่ 12 จะเข้าไปสร้างรั้วในจุด ที่ไม่มีปัญหาก่อน 5.1 กิโลเมตร ที่บริเวณหลักเขตแดนที่ 50-51 บ้านโคกสะแบง ตำบลท่าข้ามอำเภอ อรัญประเทศ
รัฐบาลยืนยันว่าการสร้างรั้วชายแดน ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ และเกิดปรากฏการณ์ “กองทุนหทัยทิพย์”ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ ที่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์บริจาคเป็นทุนตั้งต้น 1 ล้านบาท มียอดบริจาคสมทบทะลุ 150 ล้านบาทแล้ว แสดงให้เห็นถึง การสนับสนุนจากภาคประชาชน ว่าประชาชนพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมโดยตรง ในการสร้างรั้วกั้นชายแดนไทยกัมพูชา
สำหรับแนวคิดเรื่องการสร้างรั้วป้องกันชายแดน ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย เพราะที่ผ่านมารั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย ก็ได้มีการก่อสร้างและใช้งานมาแล้ว จากความยาวรวมประมาณ 647 กิโลเมตร ในพื้นที่ 5 จังหวัด ปัจจุบันมีการก่อสร้างรั้วไปแล้วรวมระยะทาง 110.992 กิโลเมตร
ดังนั้น การสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีระยะทางรวมเกือบ 800 กิโลเมตร ในพื้นที่ 7 จังหวัด จะเป็นคำตอบสุดท้ายของการแก้ปัญหาภัยคุกคามความมั่นคง อาชญากรรมข้ามพรมแดน ยาเสพติด ตามที่หลายคนคาดหวังหรือไม่ และจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ รัฐบาล”อนุทิน”ในการปูทางกลับมาอยู่ยาวอีก 4 ปีได้หรือไม่ เวลาจะมาให้คำตอบ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





