“ชัชชาติ” ลุยซ่อมถนนยุบ แข่งเวลา 14 วันคืนผิวจราจร
วันนี้ บริเวณ ถนนสามเสน หน้ารพ.วชิรพยาบาล หลังพื้นผิวถนนเกิดการยุบตัวขนาดใหญ่ เปิดเผยให้เห็นรอยแผลลึกเชื่อมต่อกับอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน สร้างความกังวลให้ทั้งคนในพื้นที่และผู้ใช้ถนน กทม.จึงระดมทุกหน่วยงานร่วมรับมือแบบวันต่อวัน ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่เองตั้งแต่เช้าตรู่ ติดตามความคืบหน้าการซ่อมแซม พร้อมทีมวิศวกรของ รฟม.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน ลงพื้นที่ เพื่อประเมินสภาพจริงทุกจุด เร่งปิดรูรั่ว – คุมดินไหล – วางเกมซ่อมเป็นสองระยะ คืนก่อนหน้า เจ้าหน้าที่ได้เทปูนกว่า 700 คิว (ราว 1,500 ตัน) เพื่ออุดรอยรั่ว แต่พบว่าปูนบางส่วนไหลเข้าอุโมงค์ จึงสั่งหยุดเพื่อให้ปูนแข็งตัวก่อน
เบื้องต้นประเมินต้องใช้ปูนกว่า 1,000 คิว หรือประมาณ 2,400 ตัน จึงจะพอสร้าง “กำแพงคอนกรีต” กันดินถล่มได้รฟม.แบ่งการแก้ไขออกเป็น 2 ระยะชัดเจน ระยะแรก เร่งคืนผิวจราจรให้เร็วที่สุด โดยใช้กระสอบทรายเกือบ 50,000 ใบ อุดรอยรั่วและเสริมด้วยซีเมนต์ผสม กลบดินทราย และทำพื้นผิวชั่วคราว เพื่อเปิดการจราจรภายใน 14 วัน
ระยะสอง ลงมือซ่อมอุโมงค์รถไฟฟ้า สถานี และอาคารโดยรอบ เช่น สน.สามเสน ซึ่งได้รับผลกระทบปฏิบัติการล้อมวงตรวจอาคาร – เทคโนโลยีจับสั่นสะเทือน
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และจุฬาฯ ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับการสั่นไหวของอาคาร สน.สามเสนแบบเรียลไทม์ เพื่อให้รู้ว่ามีการเคลื่อนไหวของดินหรือไม่ พร้อมเตรียมตัดสายไฟที่ดึงรั้งอาคารออก ลดแรงดึงที่อาจทำให้เกิดการโยกตัวของโครงสร้าง
ผู้ว่าฯ ยังย้ำให้ รฟม. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มเพื่อสแกนรอยรั่วและความแข็งแรงของอุโมงค์โดยละเอียดก่อนตัดสินใจซ่อมต่อผู้เชี่ยวชาญ ชี้ ‘กระสอบทราย’ แก้ได้แค่ระยะสั้น
รศ.ดร.วัชรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและควบคุมงานใต้ดิน วิเคราะห์ว่า การใช้กระสอบทรายอุดรูรั่วเป็นเพียงการ “ประคองอาการ” ถ้าไม่ศึกษาแผนปิดช่องว่างที่ดินไหลเข้าอย่างจริงจัง ความเสียหายอาจยืดเยื้อ กระสอบทรายมันเล็ก มันไหลไปตามอุโมงค์ได้เขาเสนอให้ซ่อมอุโมงค์และรูรั่วไปพร้อมกันตั้งแต่แรก ไม่ใช่รอคืนผิวถนนแล้วค่อยซ่อม เพราะจะทำให้ต้องใช้ต้นทุนสูงขึ้นมาก ทั้งค่าเจาะหัวใหม่
และค่าแรงต้องมองแผนระยะยาว ไม่ใช่ถมไปก่อนแล้วเจาะใหม่ทีหลัง และ เฝ้าระวังฝน – ตั้งเครื่องสูบ – กันน้ำเข้าหลุมในขณะที่ท้องฟ้ากรุงเทพฯ เตรียมปล่อยฝนร้อยละ 70 โดยเฉพาะโซนตะวันออก กทม.ได้เตรียมเครื่องสูบน้ำ 4 จุดและตั้งแนวกระสอบทรายกั้นรอบพื้นที่หลุมเพื่อป้องกันน้ำไหลทะลักซ้ำเพิ่มปัญหาให้การซ่อม
ครั้งนี้สะท้อนการทำงานร่วมกันระหว่าง กทม. รฟม. ตำรวจ มหาวิทยาลัย และวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เรียกว่าเป็น “ห้องปฏิบัติการวิศวกรรม” กลางกรุง ที่ต้องจัดการทั้งใต้ดินและบนดินพร้อมกันนอกจากซ่อมถนนและอุโมงค์แล้ว ยังมีการเตรียมซื้อรถตำรวจใหม่ป้ายแดงเพื่อชดเชยรถที่เสียหายจากการทรุดตัวของพื้นผิวถนนด้วย เป็นสัญลักษณ์ของการรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ “ถนนยุบ” แต่เป็นบททดสอบการบริหารเมืองในภาวะวิกฤต ทั้งการตัดสินใจ การวางแผนเชิงวิศวกรรม และการสื่อสารกับประชาชน หากสามารถคืนผิวจราจรภายใน 14 วันได้จริง จะเป็นกรณีศึกษาการซ่อมโครงสร้างพื้นฐานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดครั้งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
