เส้นทาง จอนนี่มือปราบ สู่การจับกุม คดีรุกป่าสร้างรีสอร์ต

 

จากตำรวจอินดี้สู่การวิพากษ์วิจารณ์แรง จอนนี่ มือปราบ”หรือ ดาบตำรวจ ยุทธพล ศรีสมพงษ์ เป็นสายสืบเก่งแห่งกองปราบ ที่โด่งดังจากผลงานจับกุมคดีใหญ่หลายต่อหลายคดี จนกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ มือปราบอินดี้

 

จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 เขาโพสต์วิพากษ์วิจารณ์แรงถึง นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จากคลิปเสียงเจรจากับ ฮุน เซน โดยมองว่าไม่เหมาะสมต่อบทบาทผู้นำประเทศ

 

และเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 จุดเริ่มต้นมรสุม จอนนี่มือปราบประกาศลาออกจากตำรวจ โดยให้เหตุผลว่า “อุดมการณ์ขัดต่อระบบและโครงสร้างการทำงาน” แม้จะต้องลาออกก่อนครบราชการบำนาญ ไม่กี่วันหลังจากนั้น มีการร้องให้ตรวจสอบวินัยและทรัพย์สินของเขา ว่าร่ำรวยผิดปกติ แม้ว่าจะอยู่ในยศนายดาบ ซึ่งเขาโต้กลับว่ารายได้มาจากธุรกิจหลากหลาย เช่น รีสอร์ต ร้านอาหารออนไลน์ ฯลฯ

 

มรสุมลูกใหญ่ได้ถาโถมเข้ามา เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการได้เข้าแจ้งความต่อ บก.ปทส. ว่ารีสอร์ทของจอนนี่และภรรยา ตั้งอยู่บนพื้นที่ “นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย” ซึ่งเป็นป่าไม้หรือพื้นที่สงวน ที่ไม่ควรมีการก่อสร้าง ในวันเดียวกัน จอนนี่แจ้งความกลับอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ และเจ้าหน้าที่อีก 2–3 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้สอบสวนข้อหาการเลือกปฏิบัติ

 

ต่อมา จอนนี่มือปราบลุยแจ้งความ สู้กลับด้วยกฎหมาย จอนนี่ไม่รอให้การสอบสวนเดินหน้าเพียงฝ่ายเดียว แต่ แจ้งความกลับ อธิบดี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และข้าราชการอีก 3 ราย ในข้อหา ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 พร้อมทั้งบินเข้ากรุงเทพฯ เพื่อยื่นเรื่องต่อ คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้สอบสวนประเด็นการ “เลือกปฏิบัติ” ในการดำเนินคดี

 

ทำให้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ บิ๊กเต่า” รอง ผบช.ก. ในฐานะผู้บังคับการกองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบนำทีมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอกสารที่
เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรีสอร์ตของจอนนี่อย่างต่อเนื่อง

 

ซึ่งระหว่างการตรวจสอบ ปรากฏภาพจอนนี่ถือพานดอกไม้เข้าพบบิ๊กเต่า เหมือนต้องการขอความเห็นใจ แต่กระบวนการสอบสวนก็ยังดำเนินต่อ

 

ล่าสุดวันนี้ 14 สิงหาคม 2568 พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พลตำรวจตรี วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และพันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการ ป.ป.ท. ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นหลายจุดในอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี

 

เป้าหมายของปฏิบัติการครั้งนี้ คือการกวาดล้างเครือข่ายเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่น และนายทุน ที่ร่วมกันทุจริต ออกใบอนุญาตก่อสร้างรีสอร์ต และบ้านพักหรู รุกล้ำพื้นที่ป่าไม้ในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ทอันเป็นพื้นที่ที่กฎหมายกำหนดให้สงวนรักษาไว้เป็นสมบัติส่วนรวมของแผ่นดิน

 

หมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ระบุชัดเจน… ผู้ต้องหาทั้งหมดมี 5 ราย สองรายแรก คือ อดีตดาบตำรวจยุทธพล หรือที่คนรู้จักกันดีในนาม “จอนนี่มือปราบ” และ นางจิราพร ภรรยา ในข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานออกเอกสารรับรองอันเป็นเท็จ และกระทำการโดยทุจริตเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเอง

 

ส่วนอีกสามราย คือ นายมิตรชัย ผู้ใหญ่บ้าน, นายสมาน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคำเขื่อนแก้วและ นายศุภชัย อดีตผู้อำนวยการกองช่าง ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมถึงรับรองเอกสารเท็จทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถออกใบอนุญาตก่อสร้างได้

 

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ว่ามีการก่อสร้างรีสอร์ตล่องแพ และพูลวิลล่าของดาบตำรวจยุทธพลและภรรยา ล้ำเข้าไปในเขตป่าส่วนกลางของนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย วันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบการบุกรุกชัดเจน และพบสิ่งผิดปกติ คือการที่รีสอร์ตแห่งนี้ได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง ทั้งที่กฎหมายห้ามโดยเด็ดขาด

 

จากการสืบสวนเชิงลึกพบว่า นายทุนได้กว้านซื้อที่ดินป่าส่วนกลาง และใช้อิทธิพลจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ปลอมแปลงข้อมูลในเอกสาร อ้างว่าเป็นการปลูกบ้านใหม่ในที่ดินว่างเปล่า ไม่อยู่ในเขตป่าสงวน ก่อนที่ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. และผู้อำนวยการกองช่างในขณะนั้น จะร่วมลงนามออกใบอนุญาตให้โดยมิชอบ

 

เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ เอกสารเหล่านี้ถูกนำไปขอเลขที่บ้านกับทางอำเภอ ทำให้สิ่งปลูกสร้างผิดกฎหมาย ได้รับการรับรองเสมือนถูกต้อง สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อรัฐ และทำลายผืนป่าที่ควรเป็นมรดกของคนรุ่นหลัง

 

เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ได้ครบถ้วนที่องค์การบริหารส่วนตำบลคำเขื่อนแก้วแม้ทั้งหมดจะให้การปฏิเสธ แต่คดีนี้เป็นตัวอย่างสำคัญ ของการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และตอกย้ำว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews