“แพทองธาร” 60 วันอันตราย เริ่มแล้ว! เดี๋ยวก็รู้หมู่ หรือ จ่า
นับจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ รับคดีคลิปเสียงสนทนา “ฮุน เซน” ไว้พิจารณาวินิจฉัย และมีมติ 7 ต่อ 2 สั่งให้ “แพทองธาร ชินวัตร” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 นับเป็น การเริ่มเคาท์ดาวน์ 60 วันอันตราย ส่ง”นายยกฯอิ๊งค์” เข้าสู่หลักประหารทางการเมือง ชะตากรรมสุ่มเสี่ยงจะซ้ำรอย “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย
ซึ่งโดนคดีจริยธรรม จากการแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” ซึ่งขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี อีกทั้งเครือข่ายนายกฯ จากตระกูล “ชินวัตร” ก่อนหน้านี้ ก็ล้วนมีชะตากรรมไม่ต่างกัน เมื่อถูกร้องมายังศาลรัฐธรรมนูญ ไล่จาก “สมัคร สุนทรเวช” คดีรับงานพิธีกรทีวี “ชิมไป บ่นไป” และ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”คดีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” พ้นตำแหน่งเลขาฯสมช. รวมถึง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ที่ต้องพ้นตำแหน่งเพราะคดียุบพรรคพลังประชาชน
โดย”แพทองธาร” บ่นเล็กน้อย เกี่ยวกับการถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ในวันเข้าทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวัฒนธรรมวันแรก ว่า”ตอนนี้อาจจะแย่หน่อยที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้านายกรัฐมนตรี”
ลำดับขั้นตอนทางคดีของ “แพทองธาร”นั้น ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 16 ก.ค.2568 โดยสามารถยื่นขอเลื่อนได้ 1 ครั้ง ซึ่งหาก มีการขอเลื่อนจริง ก็จะครบกำหนดส่งคำชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 31 ก.ค.2568 จากนั้น “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะส่งคำชี้แจงของนายกฯ ให้ผู้ร้อง หักล้างข้อชี้แจงภายใน 15 วัน ซึ่งวันที่ 16 ส.ค.68 น่าจะเป็นวันครบกำหนดของสว. ที่จะส่งข้อหักล้างคำชี้แจงของนายกฯ
หลังจากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งข้อหักล้างของ 36 สว. ให้นายกฯอีกครั้ง หากต้องการแก้ข้อกล่าวหาเพิ่มเติม จะต้องส่งศาลทันที ขั้นตอนต่อไป “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะอภิปรายคำร้อง คำชี้แจง ข้อหักล้าง หากสิ้นข้อสงสัยทั้งหมด จะนัดลงมติ นัดคู่กรณีมาฟังคำวินิจฉัยชี้ขาด
รวมขั้นตอนทั้งหมด จะใช้เวลาประมาณ 45 – 60 วัน ประมาณการว่าน่าจะอยู่ในช่วงปลายเดือน สิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายน คดีนี้ก็น่าจะถึงที่สุด แต่ไม่อาจคาดเดาได้ ผลจะเป็นบวก หรือลบ กับ “แพทองธาร”
ในอดีตที่ผ่านมา มีนายกรัฐมนตรี ถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีทั้งรอด และไม่รอด โดยคนที่รอด อาทิ “ทักษิณ ชินวัตร” ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ฐานจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินอันเป็นเท็จ จากกรณีซุกหุ้นไว้กับคนรับใช้และคนขับรถ ส่งต่อคดีให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดตามมาตรา 295
ของรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมี มติ 8 ต่อ 7 ในปี 2544 ให้ “ทักษิณ” พ้นผิดคดีซุกหุ้นภาค 1
และมีวิลีเด็ด “บกพร่องโดยสุจริต”ตามมา ส่วนนายกรัฐมนตรีอีกคน ที่ถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญ และรอดไม่ต้องกระเด็นตกเก้าอี้ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในคดี “วาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ” เมื่อปี 2565 ซึ่งคดีนี้ เบื้องต้นศาลมีมติ 5 ต่อ 4 สั่ง “บิ๊กตู่” หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ท้ายที่สุด ศาลมีมติ 6 ต่อ 3 ชี้ขาดว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของ “พล.อ. ประยุทธ์” ยังไม่สิ้นสุดลง เนื่องจากดำรงตำแหน่งยังไม่ครบ 8 ปี
ดังนั้นก่อนจะถึงวันตัดสินคดี “แพทองธาร” รัฐบาลเพื่อไทย มีการบ้านต้องทำอย่างหนัก ต้องประเมินอย่างจริงจัง ต้องชั่งใจว่าจะ “รอด หรือ ร่วง” รวมถึงต้องเช็คเสียง และท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีอยู่ซึ่งเกือบจะปริ่มน้ำ จะกอดคอร่วมหัวจมท้ายกันไปต่อหรือไม่ หากพร้อมใจไปต่อ ก็สามารถดัน “ชัยเกษม นิติสิริ” เดินหน้าต่อได้ แต่หาก พรรคร่วม เสียงแตกไม่รักษาสัญญา โอกาสที่จะยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ก็คงมีไม่น้อยเช่นกัน…
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





