ไทย-กัมพูชา “นายกฯอิ๊งค์” ถึงเวลาปิดด่านแล้ว
นับจากเหตุปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อ 28 พ.ค.2568 ชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดมากขึ้น มีการเสริมกำลังทหาร 2 ฝ่ายต่อเนื่อง สถานการณ์พัฒนาไปเร็วมาก ข้อเสนอกองทัพปิดด่าน ถูกตีตกไป ทำให้กัมพูชาแข็งกร้าว เสียงแข็งไม่ยอมถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท พร้อมเตรียมฟ้องศาลโลก ยึด 4 พื้นที่ ช่องบก,ปราสาทตาเมือนธม,ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนโต๊ช
ขณะรัฐบาลไทย นายกฯอิ๊งค์ “แพทองธาร ชินวัตร” ยังทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน กว่าจะออกแถลงการณ์ก็รอให้ผ่านไปถึง 7 วัน โดยประกาศยึดสันติวิธี และปฏิเสธเรื่องอำนาจศาลโลก พยายามหาช่องเจรจา “ภูมิธรรม เวชชัย” ยกคณะกลาโหม ไปสระแก้ว คุยกับ “เตีย เซรยฮา” กลาโหมกัมพูชา แต่ก็เหมือนถูกตบหน้า ถูกปฏิเสธข้อเสนอแบบไม่ใยดี จนล่าสุด “ภูมิธรรม”ต้องออกแถลงการณ์ ย้ำจุดยืนไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย ไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลโลก สนับสนุนกองทัพให้ทำหน้าที่ อย่างเต็มกำลัง และจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการ และเสริมกำลังทหารรักษาชายแดน
จากแถลงการณ์ของ “ภูมิธรรม” ท่อนที่ระบุว่า “จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการ” นั่นหมาย รัฐบาลตัดสินใจแล้วว่า จะพลิกเกม จากการเป็นลูกไล่มาเกือบ 2 สัปดาห์ เป็นตอบโต้กัมพูชา แล้วมาตรการที่จะใช้คืออะไร น่าสนใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ รัฐบาลย้ำมาตลอดยึดสันติวิธี กองทัพภาค 2 เคยเสนอปิดด่านชายแดนพรรคฝ่ายค้าน เสนอใช้มาตรการเศรษฐกิจ ในการตอบโต้ นักวิชาการบางคนเสนอ ใช้มาตรการเดียวกับที่เคยจัดการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ฝั่งเมียนมา แต่การเพิ่มมาตาการของ “ภูมิธรรม” ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมคืออะไร มาถึงเวลานี้ ยังไม่ชัดเจน หรือจะให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการเหมือนที่ประชุม สมช.ชี้แจงมา
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาฯ สมช. และเคยเป็นคณะทำงานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่าจุดเริ่มต้น และต่อเนื่องจากที่ช่องบก ขยายผลถึงขณะนี้ เป็นไปอย่างมีขั้นตอน ไม่ใช่เรื่องเหตุสุดวิสัย
แต่ผ่านการวางแผนล่วงหน้า จึงต้องแนะนำรัฐบาลว่า ต้องประกาศให้ชัด”กัมพูชา” ขุดคูเลตล้ำแดนไทย หรือล้ำพื้นที่อ้างสิทธิ์ ถือว่าผิด MOU 43 รัฐบาลต้อง “ไม่ยอม” ต้องยื่นเงื่อนไขให้กัมพูชาถอนกำลัง ภายในกี่วัน หรือกี่ชั่วโมง และประกาศมาตรการปกป้องชายแดน ดูแลความปลอดภัย พี่น้องประชาชน จากนั้น ก็ประกาศมาตรการขั้นต่อไป หากกัมพูชาไม่ปฏิบัติตาม เช่นมาตรการเศรษฐกิจ ปิดด่าน หรือห้ามข้ามแดนไปเล่นการพนัน เพื่อตัดรายได้กัมพูชา ที่โยงถึงผู้มีอำนาจ ไม่จำเป็นต้องปิดด่านพื้นที่พิพาท เช่น ช่องบก แต่เลือกด่านที่กระทบเศรษฐกิจ เพื่อกดดันกัมพูชาแทน หรือ ใช้มาตรการกดดันทางการทูต เรียกทูตกัมพูชามาพบ เรียกทูตไทยกลับ และขั้นสุดท้าย ประกาศจุดยืนไทย พร้อมเจรจา แต่ถ้าไม่ทำตามเงื่อนไข ก็จะมีมาตรการกดดันที่เข้มข้นต่อไป ซึ่งวิธีการที่เสนอเป็นแนวทางสันติวิธีที่เป็นสากล และทั่วโลกก็ทำกัน
สำหรับมาตรการปิดด่าน กองทัพภาค 2 โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง เคยเสนอเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ “นายกฯแพทองธาร และ รองฯภูมิธรรม” เบรกไว้ พร้อมแจงว่าทางกัมพูชาขอมา ส่วนหลังจากนี้ มาตรการนี้จะถูกหยิบยกมาใช้หรือไม่ ต้องรอติดตามกันต่อไป โดยด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จะมี ผลกระทบต่อการค้าชายแดนโดยตรง มีทั้งหมด 7 ด่าน
1.จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด – ช่องพรม (จันทบุรี – กรุงไพลิน) ตั้งอยู่บริเวณบ้านคลองใหญ่ ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
2.จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก – ปอยเปต (สระแก้ว – บันเตียเมียนเจย) ตั้งอยู่บริเวณบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว,3.จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม – โอร์เสม็ด (สุรินทร์ – อุดรมีชัย) ตั้งอยู่บริเวณบ้านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
4.จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ – ช่องจวบ (ศรีสะเกษ – อุดรมีชัย) ตั้งอยู่บริเวณบ้านช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
5.จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – กร็อมเรียง (จันทบุรี – พระตะบอง)ตั้งอยู่บริเวณบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
6. จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก – จามเยียม (ตราด – เกาะกง)ตั้งอยู่บริเวณบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และ 7.จุดผ่านเขตแดนถาวรบ้านเขาดิน-บ้านพนมได (สระแก้ว-พระตะบอง)ตั้งอยู่บริเวณบ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





