Home
|
Video

#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด Vs “นายกอิ๊งค์” เหวี่ยง

 

สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรจากเหตุ “ปืนลั่นที่ช่องบก”ตั้งแต่28พ.ค.68 ที่เป็นจุดสตาร์ท “ความบานปลาย” กลายเป็น สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา เมื่อผู้นำเขมร2พ่อลูก “ฮุนเซน” “ฮุนมาเนต” ทั้งขยี้ทั้งยั่วทั้งปลุกกระแสชาตินิยมผ่านสื่อ และสั่งทหารรุกคืบบริเวณ “จุดพิพาท”ล้ำเข้ามายังดินแดนไทย เพื่อใช้เรื่องทั้งหมด ไปเป็นองค์ประกอบหลักฐาน การดันขึ้นสู่การพิจารณาของ “ศาลโลก” ตามทิศทางที่เคยทำกับกรณี “เขาพระวิหาร”

 

ที่สถานการณ์นี้ถูกจับตาทั้ง “มิติความมั่นคง-การเมืองระหว่างประเทศ-ความสัมพันธ์การเมือง และ ผลประโยชน์ของแผ่นดิน และผลประโยชน์ทางธุรกิจ”ของ “กลุ่มทุน”จากฝั่งไทยในเขมร ที่เป็นเส้นแบ่งบาง ๆ กับประเด็น “ข้อขัดแย้ง”ผลประโยชน์ “เขตแดนไทย-กัมพูชา”ตั้งแต่ปม “เขาพระวิหาร”เดิม และ พื้นที่ทับซ้อนด้านอื่นรวมถึงกรณี “ช่องบก”และ “ปราสาทตาเมือนธม”

 

ผ่านภาพ“ความสัมพันธ์”กับ “ทักษิณ ชินวัตร”ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย พ่อของ “นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร” ที่ถูกมองเป็น ทั้ง“จุดอ่อน”และ “ความคาดหวัง”ความคลี่คลาย กระทั่งกลายมาเป็น “ปริศนา”ของ “การเล่นใหญ่” ของ “ฮุนเซน”ที่ทำให้ “รัฐบาลเพื่อไทย”โดย “นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร”ถูก “ตั้งคำถาม” ไม่แต่จาก นายทหารที่อยู่“หน้างาน”ของ“กองทัพบก”โดย “กองทัพภาคที่2”รับหน้าเสื่อเผชิญแรงกดดัน ยั่วยุมาตั้งแต่เดือน ก.พ.68 หากแต่เริ่มถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่าย ถึงท่าทีความชัดเจนของ “รัฐบาล” และการสื่อสารต่อประชาชน

 

จนวันนี้(4มิ.ย.)รัฐบาลจึงมีการแถลงการณ์ออกมาอย่างเป็นทางการ รวมถึงการตอบคำถามของ “นายกอิ๊งค์” กับนักข่าว ที่ให้ รมว.กลาโหม “ภูมิธรรม เวชชยชัย”ลงพื้นที่ “หน้างาน”วันนี้ แต่ก็ยังถูกวิจารณ์ สื่อสารกับประชาชนที่ไม่ตรงประเด็น แถลงการณ์เน้นย้ำความสงบเรียบร้อย แต่ไม่ชี้แจงข้อเท็จจริง ว่าพื้นที่ดังกล่าว มีสถานะทางกฎหมายเช่นไร รวมถึงไม่ได้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงที่มาของข้อพิพาท และจุดยืนที่แท้จริงของรัฐไทย ไม่นับรวมภาพ “อาการเหวี่ยง”โต้เถียงกับ “นักข่าว”ของ “นายกฯอิ๊งค์” ที่กลายเป็นที่เด่นกว่าเนื้อหา

 

อย่างที่ “ดร.สุริยะใส กตะศิลา” คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์FBวิเคราะห์ “จุดยืนที่อ่อนแอจะพ่ายแพ้บนโต๊ะเจรจา” ว่า แม้รัฐบาลจะแสดงท่าทีประคับประคองสถานการณ์ผ่านกลไกทางการทูต เช่น JBC และ GBC แต่ก็ยังมีจุดอ่อนสำคัญในแง่ยุทธศาสตร์การทูต การสื่อสารต่อประชาชน และการยืนหยัดเชิงหลักการอธิปไตยที่หนักแน่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศได้ทั้ง เรื่องความไม่ชัดเจนเรื่องแผนที่ ที่รัฐบาลไทยไม่ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเคยเป็นประเด็นสำคัญ ทั้ง ท่าทีคลุมเครือต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ที่รัฐบาลไทย ก็ไม่ได้ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมรับอำนาจของ ICJ ในกรณีที่กัมพูชาจะยื่นเรื่องฝ่ายเดียว การสื่อสารกับประชาชนที่ไม่ตรงประเด็น ขาดยุทธศาสตร์เชิงรุก ไม่ตอบโต้การเคลื่อนไหวเชิงสื่อสารของกัมพูชา ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชานำประเด็นนี้ไปสู่เวทีระหว่างประเทศและประกาศชัดว่าจะยื่นเรื่องต่อ ICJ รัฐบาลไทยกลับยังใช้ภาษาทางการแบบหลีกเลี่ยง ไม่ตอบโต้อย่างทันเกม

 

กระนั้นก็น่าสนใจ ในมิติบทบาทของกองทัพไทย ที่ได้รับความเห็นใจและให้กำลังใจจากประชาชน กับสถานการณ์นี้ จนก “นายกอิ๊งค์”ต้องแจงว่าควรสามัคคีไม่ควรแบ่งว่าใครทำไม่ทำระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ เพราะทุกคนคุยกันตลอด เพราะในช่วงเหตุการณ์ “หน้างาน”สังคมได้เห็น บทบาทของ “พลโท บุญสิน พาดกลาง”

 

สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรจากเหตุ “ปืนลั่นที่ช่องบก”ตั้งแต่28พ.ค.68 ที่เป็นจุดสตาร์ท “ความบานปลาย” กลายเป็น สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา เมื่อผู้นำเขมร2พ่อลูก “ฮุนเซน” “ฮุนมาเนต” ทั้งขยี้ทั้งยั่วทั้งปลุกกระแสชาตินิยมผ่านสื่อ และสั่งทหารรุกคืบบริเวณ “จุดพิพาท”ล้ำเข้ามายังดินแดนไทย เพื่อใช้เรื่องทั้งหมด ไปเป็นองค์ประกอบหลักฐาน การดันขึ้นสู่การพิจารณาของ “ศาลโลก” ตามทิศทางที่เคยทำกับกรณี “เขาพระวิหาร”

 

ที่สถานการณ์นี้ถูกจับตาทั้ง “มิติความมั่นคง-การเมืองระหว่างประเทศ-ความสัมพันธ์การเมือง และ ผลประโยชน์ของแผ่นดิน และผลประโยชน์ทางธุรกิจ”ของ “กลุ่มทุน”จากฝั่งไทยในเขมร ที่เป็นเส้นแบ่งบาง ๆ กับประเด็น “ข้อขัดแย้ง”ผลประโยชน์ “เขตแดนไทย-กัมพูชา”ตั้งแต่ปม “เขาพระวิหาร”เดิม และ พื้นที่ทับซ้อนด้านอื่นรวมถึงกรณี “ช่องบก”และ “ปราสาทตาเมือนธม”

 

ผ่านภาพ“ความสัมพันธ์”กับ “ทักษิณ ชินวัตร”ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย พ่อของ “นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร” ที่ถูกมองเป็น ทั้ง“จุดอ่อน”และ “ความคาดหวัง”ความคลี่คลาย กระทั่งกลายมาเป็น “ปริศนา”ของ “การเล่นใหญ่” ของ “ฮุนเซน”ที่ทำให้ “รัฐบาลเพื่อไทย”โดย “นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร”ถูก “ตั้งคำถาม” ไม่แต่จาก นายทหารที่อยู่“หน้างาน”ของ“กองทัพบก”โดย “กองทัพภาคที่2”รับหน้าเสื่อเผชิญแรงกดดัน ยั่วยุมาตั้งแต่เดือน ก.พ.68 หากแต่เริ่มถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่าย ถึงท่าทีความชัดเจนของ “รัฐบาล” และการสื่อสารต่อประชาชน

 

 

จนวันนี้(4มิ.ย.)รัฐบาลจึงมีการแถลงการณ์ออกมาอย่างเป็นทางการ รวมถึงการตอบคำถามของ “นายกอิ๊งค์” กับนักข่าว ที่ให้ รมว.กลาโหม “ภูมิธรรม เวชชยชัย”ลงพื้นที่ “หน้างาน”วันนี้ แต่ก็ยังถูกวิจารณ์ สื่อสารกับประชาชนที่ไม่ตรงประเด็น แถลงการณ์เน้นย้ำความสงบเรียบร้อย แต่ไม่ชี้แจงข้อเท็จจริง ว่าพื้นที่ดังกล่าว มีสถานะทางกฎหมายเช่นไร รวมถึงไม่ได้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงที่มาของข้อพิพาท และจุดยืนที่แท้จริงของรัฐไทย ไม่นับรวมภาพ “อาการเหวี่ยง”โต้เถียงกับ “นักข่าว”ของ “นายกฯอิ๊งค์” ที่กลายเป็นที่เด่นกว่าเนื้อหา

 

อย่างที่ “ดร.สุริยะใส กตะศิลา” คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์FBวิเคราะห์ “จุดยืนที่อ่อนแอจะพ่ายแพ้บนโต๊ะเจรจา” ว่า แม้รัฐบาล จะแสดงท่าทีประคับประคองสถานการณ์ผ่านกลไกทางการทูต เช่น JBC และ GBC แต่ก็ยังมีจุดอ่อนสำคัญในแง่ยุทธศาสตร์การทูต การสื่อสารต่อประชาชน และการยืนหยัดเชิงหลักการอธิปไตยที่หนักแน่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศได้ทั้ง เรื่องความไม่ชัดเจนเรื่องแผนที่ ที่รัฐบาลไทยไม่ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเคยเป็นประเด็นสำคัญ ทั้ง ท่าทีคลุมเครือต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ที่รัฐบาลไทย ก็ไม่ได้ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมรับอำนาจของ ICJ ในกรณีที่กัมพูชาจะยื่นเรื่องฝ่ายเดียว การสื่อสารกับประชาชนที่ไม่ตรงประเด็น ขาดยุทธศาสตร์เชิงรุก ไม่ตอบโต้การเคลื่อนไหว เชิงสื่อสารของกัมพูชา ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชานำประเด็นนี้ไปสู่เวทีระหว่างประเทศ และประกาศชัดว่าจะยื่นเรื่องต่อ ICJ รัฐบาลไทยกลับยังใช้ภาษาทางการแบบหลีกเลี่ยง ไม่ตอบโต้อย่างทันเกม

 

กระนั้นก็น่าสนใจ ในมิติบทบาทของกองทัพไทย ที่ได้รับความเห็นใจและให้กำลังใจจากประชาชน กับสถานการณ์นี้ จนก “นายกอิ๊งค์”ต้องแจงว่าควรสามัคคีไม่ควรแบ่งว่าใครทำไม่ทำระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ เพราะทุกคนคุยกันตลอด เพราะในช่วงเหตุการณ์ “หน้างาน”สังคมได้เห็น บทบาทของ “พลโท บุญสิน พาดกลาง” แม่ทัพภาคที่2ที่นอกจากจะอดทนความกดดันยั่วยุจากฝ่ายตรงข้าม รอความชัดเจนจากคำสั่ง “รัฐบาล”แล้วยัง ประคองขวัญกำลังใจของกำลังพล และให้ความมั่นใจกับประชาชนในการพร้อมทำหน้าที่ “รั้วของชาติ”ปกป้องผืนแผ่นดินไทยไม่ให้สูญเสียไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว เช่นเดียวกับบทบาทของทัพบก ที่พยายามสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ และเพจกองทัพบก และ กองทัพภาคที่2 โดยจะมีการติด #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด อย่างที่ “นายกฯอิ๊งค์”นำมาอ้างอิงในการแถลงวันนี้ ซึ่งทหารไทยยึดถือมาโดยตลอด

 

ที่หน่วยงานกองทัพบก ไม่ว่าจะเป็น “หน่วยข่าวกรองทหาร”และหน่วยรบ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมใจกันสื่อสารความมั่นใจ ทั้งการแสดงแสนยานุภาพอาวุธการรบ การฝึก ให้ “ฝ่ายตรงข้าม”เกรงขาม
และให้ประชาชนมั่นใจ ไม่นับรวม การลงพื้นที่ไปปักหลักค้างคืนในพื้นที่ของ “พลโท บุญสิน” กองทัพภาคที่2 นอกจากจะนำเสนอข่าวภาพและคลิปแล้ว ยังมีการ ทำอินโฟกราฟฟิคโพสในเพจกองทัพภาคที่2 ต่อเนื่อง ถึงบทบาท “ผู้นำ”ของแม่ทัพในสถานการณ์ศึก อย่างเช่น วันที่ 2 มิ.ย.ที่บอกว่า “ขอบคุณพี่น้องคนไทยที่มีจิตใจรักชาติ รักบ้านเมือง ยามนี้เป็นหน้าที่ของทหารตามแนวชายแดน เรามุ่งมั่นและเชื่อมั่นในทหารของประเทศไทยว่าจะสามารถปกป้องอธิปไตย และไม่ยอมให้เสียดินแดนตามที่พี่น้องมุ่งหวังและเป็นกำลังใจให้”

 

แม่ทัพภาคที่2ที่นอกจากจะอดทนความกดดันยั่วยุจากฝ่ายตรงข้าม รอความชัดเจนจากคำสั่ง “รัฐบาล”แล้วยัง ประคองขวัญกำลังใจของกำลังพล และให้ความมั่นใจกับประชาชนในการพร้อมทำหน้าที่ “รั้วของชาติ”ปกป้องผืนแผ่นดินไทยไม่ให้สูญเสียไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว เช่นเดียวกับบทบาทของทัพบก ที่พยายามสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ และเพจกองทัพบกและ กองทัพภาคที่2 โดยจะมีการติด #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดอย่างที่ “นายกฯอิ๊งค์”นำมาอ้างอิงในการแถลงวันนี้ ซึ่งทหารไทยยึดถือมาโดยตลอด

 

ที่หน่วยงานกองทัพบก ไม่ว่าจะเป็น “หน่วยข่าวกรองทหาร”และหน่วยรบ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมใจกันสื่อสารความมั่นใจ ทั้งการแสดงแสนยานุภาพอาวุธการรบ การฝึก ให้ “ฝ่ายตรงข้าม”เกรงขามและให้ประชาชนมั่นใจ ไม่นับรวม การลงพื้นที่ไปปักหลักค้างคืนในพื้นที่ของ “พลโท บุญสิน” กองทัพภาคที่2 นอกจากจะนำเสนอข่าวภาพและคลิปแล้ว ยังมีการ ทำอินโฟกราฟฟิคโพสในเพจกองทัพภาคที่2 ต่อเนื่อง ถึงบทบาท “ผู้นำ”ของแม่ทัพในสถานการณ์ศึก อย่างเช่น วันที่ 2 มิ.ย.ที่บอกว่า “ขอบคุณพี่น้องคนไทยที่มีจิตใจรักชาติ รักบ้านเมือง ยามนี้เป็นหน้าที่ของทหารตามแนวชายแดน เรามุ่งมั่นและเชื่อมั่นในทหารของประเทศไทยว่าจะสามารถปกป้องอธิปไตย และไม่ยอมให้เสียดินแดนตามที่พี่น้องมุ่งหวังและเป็นกำลังใจให้”

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube