โอ๊ย!ของแพง นายกฯช่วยด้วย
มีเสียงสะท้อนของภาคแรงงานต่อภาพรวมเศรษฐกิจในห้วงเวลานี้ โดยมองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ค่อนข้างจะแย่ ของแพง ค่าครองชีพสูง จึงอยากให้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” เร่งดูแลแก้ไข
โดย “นายชาลี ลอยสูง” ที่ปรึกษาคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า วันนี้ราคาสินค้าตามท้องตลาดแพงขึ้นมาก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องลงมาดูแล ตรวจสอบราคาสินค้าไม่ให้แพงขึ้นมากไปกว่านี้ โดยจะต้องส่งเจ้าหน้าที่เพื่อทำงานเชิงรุกให้เข้มข้นขึ้น เพราะถ้าพ่อค้า แม่ค้ามีการขึ้นราคาสินค้าโดยที่ไม่มีการกำกับดูแล ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ ไปไม่รอด
และเมื่อถาม “นายชาลี” ถึงมุมมองนโยบายแจกเงินหมื่นว่ามีความคิดเห็นอย่างไร หลังจากรัฐบาล จะมีการทบทวนในเรื่องนี้ โดย “นายชาลี” ยอมรับว่านโยบายแจกเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง แต่ก็กระตุ้นได้แปปเดียว ดังนั้นการที่รัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืนนั้น จึงเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลในการคิดและลงมือทำ
และสำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทย ล่าสุด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดย “นายธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
ได้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน เม.ย. พบว่าลดลงต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อ และต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจากนโยบาย Trump 2.0
และเผชิญกับการปรับลงของ GDP จากหน่วยงานต่างๆ
นอกจากนี้ผู้บริโภคยังมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าและราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง อยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อน ส่งผลให้รายได้เกษตรมิได้เพิ่มขึ้นมากนัก อย่างไรก็ตาม
มีปัจจัยบวกจากการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะหนุนความเชื่อมั่นให้ฟื้นตัว
ขณะที่ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยพูดถึงคำกล่าวของ รองผู้ว่าการ ธปท. ที่มองภาวะเศรษฐกิจไทยมีความไม่แน่นอน ปีนี้ GDP มีโอกาสโต ต่ำกว่า 2.5%
สิ่งแรกที่ชะลอ คือ การลงทุน ทำให้เศรษฐกิจระยะสั้นชะลอ แต่ระยะยาวจะขึ้นกับการปรับตัวของธุรกิจและซัพพลายเชน รวมถึงความชัดเจนของนโยบายการค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจ ส่วนการส่งผ่าน นโยบายการเงิน กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา 3 ครั้ง นับตั้งแต่ปลายปีก่อน จนถึงปัจจุบันมาอยู่ที่ระดับ 1.75% ซึ่งทำให้ผลของการลดดอกเบี้ยต่อเศรษฐกิจไทยเริ่มลดลง อย่างไรก็ตามหากเกิดภาวะ “ช็อก” ทางเศรษฐกิจจากภายนอก ก็พร้อมที่จะลดดอกเบี้ยได้หากจำเป็น
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของคนทั้งประเทศ เพราะถ้าทำดี นโยบายถูกใจ ย่อมส่งผลต่อคะแนนนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





