138สว.สีน้ำเงิน-คนชั้น14-นายกอิ๊งค์&44ส.ส.ก้าวไกล ใครโดนก่อน?
นอกจากสถานการณ์ตรงหน้า วันนี้(8พ.ค.2568)กับ 2 คดีที่ส่งผลกระทบทางการเมือง อย่าง1.กรณี “ป่วยทิพย์”ของ “คนชั้น14”อย่าง “ทักษิณ”พ่อนายกฯ ที่วันนี้ถูกจับตาไปขออนุญาตศาลอาญา เดินทางออกนอกประเทศในช่วงปลายเดือนพ.ค.68 โดย วันที่ 13มิ.ย.ทักษิณ มีคิวที่จะต้องไปไต่สวนพร้อมกับผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องราว “คนชั้น14”ต่อ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ซึ่งการประชุม“แพทยสภา”ถูกจับตาการประชุมที่โยงไปถึงเรื่องผลสอบจริยธรรมของบรรดา “แพทย์”
ที่ให้การช่วยเหลือ “คนชั้น14” ที่จะกลายเป็น “ข้อมูลสำคัญ”ที่เชื่อมโยงไปถึงการไต่สวนของศาล ในคดีการรับโทษในเรือนจำของ “ทักษิณ”
ส่วนเรื่องที่2.คือ การประชุมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ที่มีการเชิญ 138 สว.ที่ถูกตรวจสอบ ในคดี “ฮั้วสว.”ซึ่ง DSI หน่วยงานภายใต้ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง”รมว.ยุติธรรม ที่เพิ่งถูกสว.สีน้ำงเงิน ไปยื่นสอบการทำหน้าที่เชิงจริยธรรมต่อปปช. หลัง DSI เดินหน้าลุยสอบโยง“สว.ฮั้วเลือกตั้ง”เข้าข่ายความผิด อั้งยี่ซ่องโจร และมีการปล่อยข่าวโยงเข้ากับ “นักการเมืองใหญ่”5-6คนที่เกี่ยวข้อง “ขบวนการฮั้วเลือกตั้งสว.” และเพิ่งเกิดภาพ “ประดาบ”ระหว่าง2ฝ่ายอำนาจ กับ “ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ” ที่รายงานการเข้าไปตรวสอบคดีในพื้นที่ของDSI
ที่2 เรื่องวันนี้ ถูกมองเป็น2ใน4ปฏิบัติการ “นิติสงคราม”ของ “ฝ่ายการเมือง”อันเชื่อมโยงภาพอำนาจและ ความขัดแย้ง ภายในรัฐบาล และ ระหว่างรัฐบาลกับ “พรรคฝ่ายค้าน”ที่เกิดขึ้นในห้วงเดือนนี้ ต่อไปถึงเดือน มิ.ย.68 ที่ถูกมองไปถึงผลกระทบอาจนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยอีก 2 ประเด็นที่มีไทม์มิ่งที่อาจมีผลสรุป ในช่วง2เดือนนี้ ไม่ว่าจะเป็น ปมคดี 44 ส.ส.ก้าวไกล ที่ปัจจุบัน จำนวนไม่น้อยที่เป็นส.ส.พรรคประชาชน ที่ ตอนเป็นส.ส.ก้าวไกล เคยลงชื่อแก้ 112 ถูกสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ ที่อยู่ในชั้นรอสรุปหลังจากเมื่อ2เดือนก่อนปปช.ทะยอยเรียกส.ส.เหล่านั้นมารับทราบข้อกล่าวหา โดย “เลขาฯป.ป.ช.”ยอมรับว่าคดี 44 ส.ส.ก้าวไกล แก้ ม.112 มาถึงขั้นตอนท้ายๆแล้ว แต่จบปีนี้หรือไม่ อยู่ที่ความครบถ้วนของการไต่สวน โดยจะ พิจารณาพฤติการณ์เป็นรายบุคคล โดยปม44ส.ส.ถูกมองเชื่อมโยงจะทำให้ “สมการ”จำนวนส.ส.ในสภาเปลี่ยนแปลงไป ที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเมืองกับการปรับพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคออกจากรัฐบาล
ในขณะที่อีกเรื่อง คือ การตรวจสอบถอดถอน “นายกอิ๊งค์”ที่มีสารตั้งต้นมาจากหลายทิศทาง รวมถึง แนวโน้มที่จะมาจาก “สว.สีน้ำเงิน ” ที่เรื่องของ “นายกอิ๊งค์”ถูกจับตา ว่ามีหลายเรื่องที่จะส่งผลต่อเก้าอี้นายกฯ ไม่ว่าจะเป็น 2 ปมไฮไลท์ อย่าง 1ปมการทำตั๋วสัญญาการใช้เงิน หรือ “ตั๋วPN ในการกู้ยืมเงินจากคนในครอบครัววงเงิน 4,434 ล้านบาท และ 2 ปมการถือหุ้น เป็นกรรมการบริษัทและกรรมการบริหาร บริษัทอัลไพน์กอล์ฟแอนด์สปอร์ทคลับรวมถึงปมที่ดินโรงแรมที่เขาใหญ่ ที่ถูกนักร้องร้อง และ ฝ่ายค้านตรวจสอบซักฟอก ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกอิ๊งค์” สมัยประชุมสภาที่ผ่านมา ที่ปมประเด็นเหล่านี้มีการโยงมาสู่การ “ชี้เป้า”ให้ “สว.ปัจจุบัน”จาก “อดีตสว.” อย่าง”สมชาย แสวงการ”ที่เคยเป็นผู้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ ความเป็นนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง เพราะขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ตามรธน มาตรา160(4)(5)ในกรณี อดีตนายกฯ“เศรษฐา” ที่ต่อมา “เศรษฐา”ก็ถูก “ศาลรัฐธรรมนูญ”สอยในกรณีนี้จากเคสตั้ง “พิชิต”เป็น “รัฐมนตรี
โดย “สมชาย”เคยโพสFBไว้วันที่ 28มี.ค.68 ทำนองจี้ให้ ฝ่ายค้าน ขยายผลจากเรื่องที่อภิปรายด้วยการเข้าชื่อสส 1ใน10 หรือไม่น้อยกว่า50 คน เสนอคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ “นายกอิ๊งค์” สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ด้วยเหตุที่ “นายกฯ” ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา160(4) ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะพรรคฝ่ายค้านได้อภิปรายไม่ไว้วางใจและตรวจสอบพบการกระทำของ “นายกอิ๊งค์” ที่อาจเข้าข่ายการกระทำที่อาจทำให้ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews