“คดีคนชั้น14” 43วัน ระทึกจบ “ทักษิณ”
ยังหายใจหายคอต่อไปได้อีก1 เดือน สำหรับ “ทักษิณ ชินวัตร” “พ่อนายกอิ๊งค์”รวมถึงบรรดาผู้เกี่ยวข้อง กับกระบวนการ “คนชั้น14”ไล่เรียงตั้งแต่ รมว.ยุติธรรม ,อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ไปจนถึง “ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ” แพทย์ที่รักษา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่วันนี้(30เม.ย.)แม้ “ศาลฏีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะยกคำร้อง“นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์”ที่ร้องให้ให้เพิกถอนคำสั่งศาล เหตุ ผู้ร้องไม่ใช่คู่ความ ไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลยคือ “ทักษิณ”ในคดี รวมถึงยกคำร้อง ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาล แต่ศาลก็ยังจะทำการไต่สวนคดีนี้ ว่า โจทก์และจำเลยคืออัยการและ “ทักษิณ”แจ้งต่อตามว่าข้อเท็จจริง ตามที่กล่าวอ้างในคำร้อง หรือไม่ อย่างไร
โดยให้ สำเนาคำร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาของศาลว่าการ
ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลย เป็นไปตามหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สุดของศาลหรือไม่อย่างไร ตาม พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคคีอาญา
ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยให้ผู้คนข้างต้น ต้องแจ้งให้ศาลทราบ พร้อมกับแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่งศาล พร้อมนัดไต่สวนวันที่ 13มิ.ย.68
เรียกว่าแม้ดูเหมือน”ทักษิณ”จะได้“ต่อเวลา”ทันตั้งตัวไปอีก 43วัน ที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการไต่สวน ของ “ศาลฎีกาการเมือง”แต่ยังต้องลุ้นระทึกต่อไปว่า หากข้อมูลพยานหลักฐานปรากฏว่า
กระบวนการที่ผ่านมาหลังศาลมีคำตัดสินจำคุก “ทักษิณ”แล้ว ฝ่ายเกี่ยวข้องตั้งแต่ราชทัณฑ์ ยังไม่มีการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ศาลก็ย่อมออกหมายครั้งต่อไปได้ตามคำพิพากษา
ที่อาจนำไปสู่การที่นอกจาก ที่ผู้เกี่ยวข้องในขั้นตอนกระบวนการในเรือนจำ ไปจนถึงโรงพยาบาลตำรวจ ต้องถูกเอาผิดเอาโทษแล้ว ตัว“ทักษิณ”ย่อมได้รับผลในการที่จะต้องกลับไปรับโทษตามกระบวนการ
โดยศาลจะไต่สวนว่ากระบวนการบังคับโทษหรือการติดคุกของนายทักษิณ ติดคุกจริงหรือไม่และ การที่ให้ ผบ.เรือนจำ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ย่อมโยงไปถึงการไต่สวนว่า “ทักษิณ” ป่วยจริงหรือไม่
ที่ปรากฎการณ์จากศาลวันนี้ ถูกหลายฝ่ายทางการเมืองประเมินไปถึงห้วงเวลาทางการเมือง กับสถานการณ์ ของ “รัฐบาลอิ๊งค์”ที่เข้าโซนเดือนพฤษภาคม ที่เริ่มปรากฏร่องรอยกระเพื่อมทั้ง การบ้าน และการเมือง กับทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งภายในรัฐบาล ระหว่าง เพื่อไทย ภูมิใจไทย ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ “นายกอิ๊งค์” แม้จะมี “ตัวช่วย”อย่าง “คุณพ่อ”ก็ยังไม่สามารถปั่นงานออกมาได้ถนัดตั้งแต่นโยบายเรือธง “ดิจิทัลวอเล็ต”
ที่อุตสาห์แปลงร่างเป็น “การแจกเงิน” หรือปมล่าสุดกับ “กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์พ่วงกาสิโน” ที่ “ลูกชายครูใหญ่เนวิน”แห่ง “ภูมิใจไทย”ประกาศกลางสภา ไม่เอาด้วย ที่ล่าสุด”หัวหน้าหนู” อยากให้ “นายกฯอิ๊งค์”ถาม “พรรคร่วมรัฐบาล”ให้ยืนยันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
กระทั่งมาถึงสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจซ้อนจาก “ภาษีทรัมป์”ที่ไทยโดนไป 36% ที่กำลังมะรุมมะตุ้ม โยงกับปัญหา “โหมดความมั่นคง”ปม อุยกูร์ และ ปมคดี112“อ.พอล”จนมีการเลื่อนการเจรจา
อันเป็นจังหวะเดียวกันที่เดือนนี้ กำลังเข้าโซนที่ องค์กรระดับโลกด้านเศรษฐกิจอย่างธนาคารโลก, IMF มูดีส์ รวมถึงหน่วยงานในไทย เริ่มทะยอยมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ประเมินตัวเลขGDPประเทศต่างๆ อันเป็นการส่งสัญญาน“อันตราย”ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก ในไตรมาส3และ4 อันเป็นที่มาของกระแสกดดันการปรับครม.ทีมเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่ง การจี้ให้มีการเปลี่ยนตัว “นายกอิ๊งค์”.ที่ขนาดมี “คุณพ่อ”คอยช่วยยังได้แค่นี้
และหากหลังจากนี้ “ทักษิณ”ได้รับผลจากคดี “คนชั้น14”ก็ยิ่งจะกลายเป็นการนับถอยหลัง ไปสู่“จุดเปลี่ยนแปลงการเมือง”ที่ส่งผลกระทบกับรัฐบาลเพื่อไทย.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





