“อิ๊งค์” แจกเงินหมื่น สู้ศึกซักฟอก ศก.ปัง

 

 

จับสัญญาณเศรษฐกิจเชื่อมการเมืองไทย หลัง “หัวหน้าเท้ง” ผู้นำฝ่ายค้าน ล็อกเป้าซักฟอก จ้องถล่มนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568

 

 

 

หลายฝ่ายมองอย่างตรงกันว่า นี่คือบททดสอบ “นายกฯอิ๊งค์” กับ สมรภูมิรบทางการเมืองที่เข้มข้น ซึ่งในทางกลับกัน “นักวิชาการ” มองว่า นี่คือโอกาสเหมาะที่ “นายกฯอิ๊งค์” จะใช้รัฐสภาเป็นเวทีในการแจกแจงผลงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิติการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ นโยบายเด่น นโยบายดัง เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศรับรู้ถึงแก่นแท้และความตั้งใจของนายกฯในการบริหารประเทศ เพราะวันนี้ ต้องยอมรับว่า เรื่องเศรษฐกิจปากท้องและแนวทางการแก้ปัญหา เป็นเรื่องที่ทุกคนอยากรู้

 

โดย “รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย” อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ปัญหาด้านเศรษฐกิจ เป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งประชาชนก็ต่างเฝ้ารอนโยบายที่รัฐบาลจะประกาศออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคืบหน้าของนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาท ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรีจะถูกอภิปรายจากฝ่ายค้านครั้งนี้ ก็มองว่าเป็นโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรีจะได้ชี้แจงความคืบหน้านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆให้ประชาชนได้รับทราบ

 

“ผมว่าปัญหาเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าวันนี้ต้องบอกว่าพี่น้องประชาชนเอง ก็เฝ้ารอนโยบายทางเศรษฐกิจ การแก้ปัญหา การขับเคลื่อนทั้งระยะสั้นระยะยาว อย่างเช่นนโยบายเงิน 10,000 หรือว่าเรื่องการที่จะกระตุ้นในเรื่องจีดีพี ที่อาจจะประกาศออกมาแล้วยังไม่เป็นไปตามเป้านัก รวมไปถึงนโยบายอื่นๆ อย่างเช่น เอ็นเทอร์เมนคอมเพล็กซ์ หรืออะไรต่างๆเหล่านี้ การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นที่นายกฯก็อาจจะใช้เวทีของการอภิปรายในครั้งนี้ ในการที่จะขยายพื้นที่ตรงนี้ในการสร้างความเข้าใจสื่อสารให้สังคมได้เห็นด้วย”

 

และสำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในห้วงจังหวะที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล่าสุด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง “นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล” ได้ออกมาคาดการณ์แนวโน้ม GDP ไตรมาส 1 ปี 2568 โดยมองว่าจะเติบโตได้ถึง 3.4%YOY สูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส ซึ่งหนึ่งในโครงการขับเคลื่อน คือ การปรับขึ้นค่าจ้าง 400 บาท นำร่อง 4 จังหวัดเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.2568, โครงการ EASY E-RECEIPT, แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568

 

ส่วนไตรมาส 2 จะมีมาตรการจาก บสย. เพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อรถกระบะ

 

ขณะที่ไตรมาส 3 รัฐบาลจะโหมมาตรการเศรษฐกิจชุดใหญ่ เช่น มาตรการภาษีเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคยานยนต์ ภาคท่องเที่ยวและบริการ

 

ส่วนไตรมาส 4 จะมีการออกพันธบัตรในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีโครงการนำร่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นอกจากนี้ยังมีการผลักดันกฎหมายสำคัญ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน, ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ

 

ดังนั้น GDP ภาพรวมปีนี้มีโอกาสเติบจากปีที่แล้ว โดยค่าเฉลี่ยของตัวเลขคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ของสำนักเศรษฐกิจต่างๆ อยู่ที่ 2.9%YOY

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาความเข้มข้นของศึกซักฟอกนายกรัฐมนตรี ที่มีอดีตนายกฯทักษิณเป็นกุนซืออย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือปัจจัยแวดล้อมที่จะเชื่อมโยงกับความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจนั่นเอง

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews