DSI รับลูกปมร้อน บล็อกโหวต – ล็อกเก้าอี้ สว.
การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ปี 2567 กลายเป็นประเด็นร้อนที่ยังไม่จบสิ้น แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 230 วัน ความเคลือบแคลงใจเกี่ยวกับความสุจริตและความเป็นธรรมของกระบวนการเลือกตั้งยังคงเป็นที่ถกเถียงในสังคม
ล่าสุด กลุ่ม สว.สำรอง หรือ สว.เพื่อประชาชน นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้ายื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อให้เร่งสอบสวน โพยฮั้ว และกระบวนการบล็อกโหวตที่เชื่อว่ามีเบื้องหลังซับซ้อนกว่าที่เห็น
ข้อกล่าวหาหลักของกลุ่มผู้ร้องเรียน คือ การจัดตั้งขบวนการล็อบบี้ผลการเลือกตั้งโดยมิชอบ ซึ่งรวมถึงการแจกโพยกำหนดเบอร์ผู้ได้รับเลือก ตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้ง มีการวางแผนทั้งในแง่ของกลยุทธ์และด้านเทคนิค รวมถึง พฤติการณ์นัดหมายผู้สมัครไปพักตามโรงแรมต่าง ๆ ก่อนวันลงคะแนน สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า การเลือกตั้ง สว. ครั้งนี้ยังยึดหลักความโปร่งใสหรือไม่ หลักฐานชิ้นสำคัญ โพยฮั้วและเครือข่ายขนาดใหญ่
พล.ต.ท.คำรบ เปิดเผยว่า มีหลักฐานเป็นโพยฮั้วมากกว่า 10 ฉบับ ที่ระบุชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการล็อบบี้การเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงสมาชิกวุฒิสภาที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันถึง 140 คน นี่จึงเป็นข้อเรียกร้องสำคัญที่ทำให้กลุ่ม สว.สำรอง ต้องการให้ DSI รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ
สิ่งที่ทำให้คดีนี้ซับซ้อนคือ โครงข่ายของกลุ่มบล็อกโหวตที่ไม่ได้เป็นเพียงการล็อบบี้ในระดับบุคคล แต่เป็นขบวนการที่วางแผนอย่างเป็นระบบ และกระทำในหลายพื้นที่ มีพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดหลายประการ อาทิ การจัดตั้งขบวนการที่ปกปิดแนวทางการดำเนินงานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209) การชี้นำ จัดตั้งกลุ่มเพื่อครอบงำผลการเลือกตั้งโดยไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116) การให้ผลประโยชน์เพื่อแลกกับคะแนนเสียง (พระราชบัญญัติการเลือกสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 77)
แม้กลุ่มผู้ร้องจะต้องการให้ DSI รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ แต่กฎหมายกำหนดให้ กกต. เป็นองค์กรหลักในการพิจารณาความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ในขณะที่ DSI สามารถรับคดีอาญาที่เกี่ยวข้องได้เท่านั้น ดังนั้น ขณะนี้ทุกฝ่ายจึงรอคำตอบจาก กกต. ว่าจะรับเรื่องไปดำเนินการเองหรือจะมอบหมายให้ DSI สอบสวนต่อ
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI ยืนยันว่า ได้ตั้งเลขสืบสวนเพื่อติดตามคดีนี้แล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าคดีนี้จะถูกยกระดับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษและข้อสรุปจาก กกต.
หนึ่งในคำถามสำคัญที่สังคมต้องการคำตอบคือ หากพบว่ามีการทุจริตจริง จะต้องจัดการเลือกตั้ง สว. ใหม่หรือไม่ ในทางกฎหมายหากมีหลักฐานชัดเจนว่าการได้มาของสมาชิกวุฒิสภาผิดกฎหมาย ศาลฎีกาอาจมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์ของผู้เกี่ยวข้อง และอาจต้องมีการจัดเลือกตั้งใหม่ในบางส่วน อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
กรณีโพยฮั้วไม่ใช่แค่ปัญหาของการเลือกตั้ง สว. เท่านั้น แต่มันสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของกระบวนการเลือกตั้งทั้งหมดในประเทศ หากปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าการเมืองไทยยังคงมีช่องโหว่ให้กับการทุจริต ดังนั้น คดีนี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า จะสามารถคลี่คลายเงื่อนงำครั้งนี้ และทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบเลือกตั้งได้หรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





