fbpx
Home
|
ข่าว

เอฟเฟ็กต์112-ล้างบางก้าวไกล?

 

 

 

ไม่แต่ ปฏิกิริยาของผู้คนใน “พรรคก้าวไกล” ที่เปิดแถลงข่าวเมื่อเย็นวาน (31ม.ค.)ยังเกิดร่องรอยกระเพื่อม ในทุกแวดวง ทั้งแวดวงนักกฎหมาย อาจารย์มหาวิทยาลัย แวดวงการเมือง

 

 

 

 

 

ทั้งใน กลไก 3 อำนาจอธิปไตย นักเคลื่อนไหว นักวิเคราะห์ ที่ถกเถียงวิเคราะห์กันอย่างกว้างขวางและก่อเป็นร่องรอย “สัญญาณเคลื่อนไหวทางการเมือง” จากภายนอกและในสภาฯ ของหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายอนุรักษนิยมเข้มข้น และ ฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ที่สังเคราะห์เป็นกระบวนท่าทีความเห็นผ่านเนื้อหาจาก “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” แม้เมื่อวาน (31ม.ค.) “ศาลรัฐธรรมนูญ” นอกจากจะมีความเห็นว่า”พิธา-ก้าวไกล” ชูนโยบายหาเสียง แก้ ม.112 เป็นการ “ล้มล้างการปกครอง” ตาม ม.49และมีคำสั่ง

 

 

ให้เลิกการกระทำ เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิก ม.112อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไข ม.112 ด้วย วิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติต่อไปในอนาคตแล้ว ยังมีคำเตือนไปยังทุกฝ่ายให้ระวังการวิจารณ์คำตัดสินของศาล ว่าอาจมีโทษตามกฎหมาย (ก้าวไกล-ศาล+พิธา)

 

 

จะด้วยเพราะเหตุ กรอบปฏิบัติใช้ ที่ระบุในกฎหมาย ว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ถือเป็นที่สุด และมีผลผูกพันทุกองค์กร”ทำให้ นอกจากจะเกิดภาพ หลายฝ่ายและหลายองค์กร ขยับทั้งศึกษาในบริบทที่อาจมีผลกระทบกับ “องค์กร”ตนทั้งที่ขยับนำประเด็นในคำวินิจฉัยไป “ขยายผล” ในทางการเมืองอย่างที่เห็นกรณี “องค์กรนิติบัญญัติ”ที่ “อ.วันนอร์” ประธานสภาฯออกมาบอกว่า กำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูและศึกษา ในประเด็นที่คำวินิจฉัย ระบุว่าการแก้ไข ม.112 “ไม่

 

 

สามารถใช้กระบวนการนอกสภาได้” ที่ก่อนหน้านี้มีการยื่นกฎหมายนิรโทษกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับเรื่อง ม.112 เข้ามาในสภา เพื่อทำความเข้าใจกับสมาชิกสภา
ส่วนจะคุมการประชุมสภาตามที่ศาลรธน.สั่งห้ามอย่างไร ต้องดูไปตามกฎหมาย โดยปกติแล้ว มีข้อบังคับที่กำหนดไว้ไม่ให้พูดถึงเรื่องสถาบัน และห้ามพูดถึงบุคคลภายนอก

 

 

หากพูดออกไปผู้พูดก็ต้องรับผิดชอบ ทางสภาจะถือข้อบังคับและกฎหมายส่วนเรื่องการไม่สามารถหยิบยกมาตรา 112 มาพูดถึงในสภาได้อีก
ส่วนนี้ตนไม่สามารถวิจารณ์ได้ ต้องขอดูรายละเอียดของคำวินิจฉัยทั้งหมด และฝ่ายกฎหมายจะเสนอให้ประธานและรองประธานสภารับทราบต่อไป (ศาลรัฐ+วันนอร์+ก้าวไกล+เพื่อไทย)

 

 

ในขณะที่อีกด้านก็มีการ “ขยายผล” จากประเด็นที่ศาลระบุว่า การหาเสียง112 ของ “พิธา-ก้าวไกล”เป็นการ “ล้มล้างการปกครอง” อย่างที่วันนี้ได้เห็นความเคลื่อนไหว ทั้ง “ธีรยุทธ” ทนาย “อดีตพระพุทธอิสระ”ที่เป็น “ผู้ร้อง” ในคดีนี้ และบรรดา “นักร้อง” อย่าง “สนธิญา” และ “เรืองไกร” พากันไปยื่นต่อ กกต.วันนี้
และจะไปต่อที่ ปปช. พรุ่งนี้ (2ก.พ.) โดย ขอให้ กกต.บังคับใช้ ม.92 พรบ.พรรคการเมือง 60ที่ระบุ ว่า “เมื่อ กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใด กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง

 

ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมือง” ในขณะที่พรุ่งนี้ยื่นต่อ ปปช. เพื่อให้ตรวจสอบและเอาผิดจริยธรรมร้ายแรง พรรคก้าวไกล และ สส. 44 คน ที่เคยมีการร่วมลงชื่อยื่นแก้ไข ม.112ที่โทษตามความผิดจริยธรรมร้ายแรงคือ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับ เลือกตั้งตลอดชีวิต เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และ ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ (พิธา+ธีรยุทธ+สนธิญา+เรืองไกร+ก้าวไกล)

 

 

เช่นเดียวกับ “สว.สมชาย” ที่ออกมาโพสต์FB ชี้ช่อง “สถานีต่อไป” ในการเอาผิด “ก้าวไกล” และ “พิธา” ว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นผู้ร้องและผู้เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีความทางกฎหมายต่อไปทันทีอย่างน้อย 2 ช่องทาง คือ 1.ยื่นต่อ กกต.เพื่อส่งศาลรธน.ยุบพรรค หรือ 2. ยื่นเรื่องต่อปปช.กล่าวหา 44 สส ที่ลงชื่อเสนอร่างแก้ไขมาตรา112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่า เป็นการล้มล้างการปกครอง

 

เพื่อขอให้ปปช มีมติชี้มูลความผิด ส่งศาลฎีกานักการเมือง เพื่อพิพากษาว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีที่ศาลฎีกาประทับฟ้อง
ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคําพิพากษา (สว.สมชาย+ก้าวไกล)

 

 

ขณะที่ความเคลื่อนไหวอีกด้าน มีการออกมาทำอีเว้นต์ของ “ตะวัน-แบม” ซึ่งเคยทำโพลเกี่ยวกับ ม.112ที่เวทีต่างจังหวัดแล้ว “พิธา” ไปติดสติ๊กเกอร์ ซึ่งเป็นพฤติการณ์หนึ่งที่ศาลระบุในคำวินิจฉัยซึ่งวันนี้ ทั้ง “ตะวัน-แบม” สวมเสื้อสีขาวพร้อมเชือกผูกคอ นำโพล ยกเลิกหรือแก้ไข ม.112 มาที่สำนักงานกกต.และทำการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ปล่อยนกกระดาษ สัญญาจะเกิดเป็นคนดีไม่ล้มล้างการปกครอง (พิธา+ตะวันเเบม)

 

 

เรียกว่าถือเป็น เอฟเฟ็กต์ และ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังวันตัดสินคดี นโยบายแก้ ม.112ที่ยังคงกระเพื่อมขยายผลต่อไปในแต่ละวิธีการ ทั้งฝ่ายที่สนับสนุนทางการเมืองกับพรรคก้าวไกลที่มีทั้งฝ่ายการเมือง และ ด้อมส้ม และ ฝ่ายตรงข้ามที่ส่วนใหญ่เป็น “ฝ่ายอนุรักษนิยม”ที่ตามบดขยี้เพื่อ “ล้างบ้าง” ก้าวไกล ท่ามกลางการวิเคราะห์ประเมินจากหลายฝ่าย ว่าสถานการณ์หลังเปลี่ยนจาก “รัฐบาลลุงตู่” มาเป็น “รัฐบาลเศรษฐา-เพื่อไทย” การเมืองแบบนอกสภาผ่าน “มวลชน” บนถนนแบบที่เคยเกิด ยังไม่ใช่เวลาหรือมีเงื่อนไขที่จะจุดติดได้โดยง่าย (ก้าวไกล)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube