fbpx
Home
|
ข่าว

120 วันร้อน “เศรษฐา-ทักษิณ”

ไม่แต่จังหวะจะโคนความปะเหมาะใน “ไทม์ไลน์” ที่ถูกวิเคราะห์มองล้อความเชื่อมโยงระหว่างข่าวการลาพักร้อนของ“นายกฯเศรษฐา” จนถูกแซวจาก “สว.สมชาย” ว่ายังไม่ทันผ่านโปรก็ลาพักร้อนแล้ว กระทั่งมีรายงานว่ามีการแจ้งไปยังนักข่าวเมื่อวาน (17 ธ.ค.) ว่าอาจยกเลิกลาพักร้อน กับ “ประเด็นที่ถูกฟอร์โลว์”ต่อจาก“พิธา”ที่หายไปจากหน้าปัดข่าว ออกมา “ตัดเกรด” “รัฐบาลเศรษฐา”

 

 

 

 

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (15 ธ.ค.) ในแนววิจารณ์ติดเพื่อก่อ แถมติดปลายนวมเรื่อง “ระเบียบราชทัณฑ์เอื้อทักษิณ” ที่ในมุม “พิธา” มองว่าเป็นกระบวนการต่อจากกฎหมายพรบ.ราชทัณฑ์ที่ออกมาตั้งแต่ปี 60 กระทั่งมีกฎกระทรวง ในปี 63 ที่คนได้ประโยชน์ไม่ได้มีเพียง “ทักษิณ”

 

 

 

จนมาถึงวันนี้ (18ธ.ค.) ที่ในประเด็น “ผลงานรัฐบาล” “โฆษกชัย” ออกมาขึ้นอินโฟกราฟฟิค ร่ายยาวโชว์ผลงานรัฐบาล 90 วัน “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้” ตอกย้ำ สิ่งที่นายกฯ และรัฐบาลทุ่มเทจะเริ่มผลิดอกออกผลตั้งแต่กลางปี 67 ในขณะที่ “นายกฯเศรษฐา”ที่ยังอยู่ญี่ปุ่นเจะกลับวันนี้ นอกจากจะออกตัวอีกครั้งเมื่อวานทำนอง “การเมืองไม่ยุ่งมุ่งเศรษฐกิจ”วันนี้ ก็ยังโชว์ผลงาน “นายกฯเซลล์แมน”เจรจากับนักลงทุนญี่ปุ่น ที่สนใจจะมาลงทุน ในประเทศไทยจำนวนมาก

 

 

 

เรียกว่า แม้ อีกด้านจะมีเสียงวิจารณ์ต่อมาจากที่ “พิธา”ตัดเกรดเรื่อง “ผลงานรัฐบาล” 100วัน ในแบบที่ทั้งให้ “สอบตก”อย่าง “สว.วันชัย”หรือ “สว.สมชาย” และทั้งที่ “ให้สอบผ่าน”เพราะความขยันไปเดินสายขายเปิดตลาดประเทศไทยสู่โลกของ “เศรษฐา” จากนักวิชาการหลายท่าน แต่ประเด็นที่ ถูกฝ่ายการเมืองจับตา กลับอยู่ที่การแปรสัญญาน“การลาพักร้อน”ของ “นายกฯเศรษฐา”19-22ธ.ค.ก่อนหน้า ที่ถูกเชื่อมโยงเรื่อง “การเมือง”อย่างที่ “เจ้าตัว”พยายามออกตัวไม่อยากยุ่งมุ่งแก้เศรษฐกิจ กับ ปมการเมือง การครบ120วันของ “คนชั้น14-ทักษิณ”ที่รับโทษนอกคุกอยู่ใน รพ.ตำรวจมาตั้งแต่ 22ส.ค.66 วันเดียวกันกับที่ “นายกเศรษฐา”ได้รับการโหวตจาก “รัฐสภา”ให้เป็นนายกฯคนที่ 30

 

 

 

อย่างที่ทั้ง “ตู่-จตุพร”และ “เทพไท”ที่เคยสัมผัส “คุก”มาก่อน ออกมาติงดัง ว่า น่าจับตาการพักร้อนของ “เศรษฐา”ที่คาบเกี่ยวกับ นักโทษชั้น 14 อยู่โรงพยาบาลตำรวจครบ 120 วัน ซึ่งกรมราชทัณฑ์ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับรู้กันตามลำดับ ตั้งแต่กรมราชทัณฑ์ไปถึงปลัดกระทรวง กระทั่งไปสู่ “พ.ต.อ.ทวี” รมว.ยุติธรรม ให้รับทราบด้วย และว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าก่อนถึง 22 ธ.ค. “คณะกรรมการ”ที่รองอธิบดีราชทัณฑ์เป็นประธานตามระเบียบราชทัณฑ์ให้คุมขังนอกเรือนจำ อาจมีมติให้ “ทักษิณ” เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้านได้

 

 

 

เพราะกรมราชทัณฑ์ต้องหลีกเลี่ยงรายงาน 120 วันก็เป็นได้การ ลาพักร้อนในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวเช่นนี้ อาจไม่ต้องการรับรู้รับทราบ รายงาน 120 วัน และมติให้เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้านก็ได้ จังหวะและช่วงเวลาลาพักร้อนของนายกฯ จึงไม่ธรรมดา จัดเป็นลีลาการเมืองแพรวพราว เพราะคงไม่ต้องการรับรู้การตัดสินใจให้ “ทักษิณ”เปลี่ยนจากคุกไปเป็นคุมขังอยู่บ้านได้เฉลิมฉลองวันปีใหม่ คงเป็นดีลหนึ่ง ในยุทธการฟ้าใสให้กลับบ้าน

 

 

 

โดย “จตุพร”กล่าวด้วยว่า การเร่งรีบออกระเบียบราชทัณฑ์เมื่อ 6 ธ.ค. ถ้า “ทักษิณ”อยู่ในเรือนจำ สามารถให้เหตุผลล้นคุกได้แต่อยู่ รพ.จึงไม่เข้าเหตุเป็นนักโทษล้นคุก การเมืองที่ผ่านมาล้วนเป็นการแสดงละคร ส่วนนักการเมืองแค่คนรับสั่งให้เล่นไปตามบทที่กำหนดไว้เท่านั้น แล้วสุดท้ายฝ่ายอำนาจเบื้องหลังก็สมคบคิดแลกเปลี่ยนบทบาทกันเล่น เพื่อกำจัดเบี้ยที่จะเป็นขวากหนามกันเรื่อยมา

 

 

 

เช่นเดียวกับ “เทพไท เสนพงศ์”ที่โพสFB ในฐานะ “นักโทษชายคนหนึ่ง”ตั้งคำถามกรมราชทัณฑ์ มีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ จากการที่ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 60 กำหนดการบังคับใช้หลังกฎหมายประกาศ 90 วันทำไมไม่ดำเนินการออกกฎกระทรวงหรือระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2561และว่า หลัง “ทักษิณ”กลับ 22 ส.ค.66 ต่อมา 23 ส.ค.กระทรวงยุติธรรมจึงทำหนังสือ ด่วนที่สุด ถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาสอบถามความเห็น เรื่องการออกระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ตามบทบัญญัติ มาตรา 33 พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560ว่าด้วยระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำ ว่าสามารถได้หรือไม่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการทำไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ “ทักษิณ”หรือไม่

 

 

 

และว่า ตนก็เป็นนักโทษเด็ดขาด ผู้มีส่วนได้เสียกับกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์ทั้งหมด เพราะได้ถูกคุมขังในเรือนจำตั้งแต่ 6ก.ค.65 ทำไมเงื่อนไขกฎหมายที่กรมราชทัณฑ์ประกาศใช้มาทั้งหมด นักโทษธรรมดาอย่างตน และนักโทษทั่วไปไม่เคยได้รับประโยชน์และอานิสงส์ใดๆ

 

 

 

จากระเบียบกรมราชทัณฑ์เลย ทำไมไม่คิดทำตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 ถ้าหากไม่มีนักโทษที่ชื่อ “ทักษิณ” ก็ยังไม่เร่งออกระเบียบฉบับฉบับนี้ใช่หรือไม่ ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายเพื่อช่วยเหลือ เอื้อประโยชน์ให้กับ“ทักษิณ”ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการเลือกปฏิบัติ หรือปฏิบัติแบบ 2 มาตรฐาน เกิดความเหลื่อมล้ำ ในหมู่นักโทษด้วยกัน ซึ่งถือเป็นความอัปยศ และเป็นความตกต่ำที่สุดของกระบวนการยุติธรรมไทย นับตั้งแต่มีประเทศไทยมา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube