fbpx
Home
|
ข่าว

“เศรษฐา”แจกหมื่นทิพย์-ไม่ตรงปก?

 

 

 

พลันที่ “นายกฯเศรษฐา”แถลงความชัดเจน นโยบาย “เรือธง” แจกเงินหมื่นดิจิทัลของ “รัฐบาลเพื่อไทย” หลังเกิดภาพความคลุมเครือคนโน้นพูดทีคนนั้นพูดที ทำให้ประชาชนสับสน จนต้องบอกว่าขอให้ฟังนายกฯแถลงคนเดียว โดยถอยแถลงช่วงบ่าย ประมาณว่าที่มาแหล่งเงินที่ถูกถามมาตลอดตกลง สรุปว่าเป็นการ กู้มาแจก โดยทำเป็น พรบ. เงินกู้ 500,000 ล้าน ผ่านสภา แจกประชาชน 50 ล้านคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป คุณสมบัติ มีเงินเดือน ไม่เกิน 70,000 บาทหรือ เงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท เริ่มแจก พฤษภา 67 ถึง เมษายน 70 สามารถใช้ซื้อสิ่งของต่างในภูมิลำเนาระดับอำเภอ โดยการแจกเงินทำผ่าน “แอปเป๋าตังค์”ที่รัฐบาลมีอยู่แล้ว

 

 

 

 

 

เรียกว่าเป็นไปตามคาดว่า หลังการแถลงเรื่องนี้ของนายกฯ ที่มีผู้คน โดยเฉพาะ “โจทย์ฝ่ายตรงข้าม”ที่จ้องจับผิดอยู่แล้ว รวมถึงประชาชนขะรอฟังมากกว่า การแถลงผลงาน 2 เดือนของรัฐบาล โดย “นายกฯ”เมื่อคืน(9พ.ย.) ที่วางจังหวะปล่อยเทปผิดเวลาไปชนกับ ละครดังที่คนติดทั้งเมือง หลังข่าวพระราชสำนัก จน โฆษกรัฐบาล ถูกวิจารณ์จากคนกันเองในเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น “ศิริกัญญา ตันสกุล”รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาโพสFBทันที ว่า สิ่งที่นายกแถลงวันนี้ ถือเป็นการยอมรับว่าไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วนทั้งเรื่องว่าจะเอาแหล่งเงินมาจากไหนสุดท้ายต้องกู้มาแจก และเทคโนโลยีจาก super application ที่ย้อนกลับมาใช้เป๋าตังซ้ำร้าย เงินดิจิทัล 10,000 บาท อาจจะไม่มีใครได้เงินเลยซักคนเดียว เพราะทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าร่างพ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้าน ขัดต่อ ม. 140 ของรัฐธรรมนูญ และ ม. 53 ของพ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง แต่ก็ยังเลือกทางนี้ ซึ่งนายกและพรรคเพื่อไทยย่อมทราบดี เพราะเป็นกรณีเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญปัดตก พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้าน รถไฟฟ้าความเร็วสูง ปี 2556 (สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์)

 

 

 

 

 

 

 

โดย “ศิริกัญญา”ตั้งข้อสังเกต ว่า หรือนี่เป็นเพียงการสร้างภาพให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ากำลังจะได้เงิน ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าไปไม่รอดแน่ เป็นการสร้างกับดักเพื่อที่ในอนาคต หากมีบรรดานักร้อง หรือผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปร้องต่อศาล รธน. (ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ไปร้องแน่นอน) ก็จะสามารถอ้างได้ว่าเป็นความผิดของศาล รธน. ในการปัดตกร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล ซึ่งตน ขอคัดค้านสุดตัวไม่ให้เรื่องนี้มีศาลรธน.เข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ก็ให้มันจบที่คกก.กฤษฎีกา เป็นคนตีความ และรัฐบาลรับผิดชอบในทางการเมืองด้วยตัวเอง แต่ถ้าถึงที่สุด เกิดอภินิหารย์และร่างพรบ.นี้ผ่านสภาไปได้ การผ่อนชำระคืนใน 4 ปี บวกดอกเบี้ยในแต่ละปี จะสร้างภาระทางการคลังขึ้นไปเกือบ 20% ของรายได้รัฐบาล เท่ากับเก็บภาษีมาได้ก็เอาไว้จ่ายคืนหนี้ ดอกเบี้ยต่องบประมาณจะทะลุ 10% ในปีงบ 68 ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาสถาบันจัดเครดิตเรทติ้งเฝ้าจับตาเพื่อรอหั่นเรทติ้งอยู่แน่นอน

 

 

 

 

 

เช่นเดียวกับ “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล”ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งออกมาโพสFB ว่า การแจกเงินดิจิทัลไม่ตรงปก และ ข้อสังเกตว่า 1.อาจฝ่าฝืน พรบ.วินัยการเงินฯ มาตรา 9 วรรคสาม ซึ่งบัญญัติว่า “ครม.ต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว” เนื่องจากสถานะตัวเลขเศรษฐกิจไทย ยังไม่ได้เลวร้าย ยังไม่มีปัญหาตัวเลข จีดีพี ถึงขั้นติดลบ ยังไม่มีวิกฤตฟองสบู่แตกในตลาดโลก โครงการนี้ ที่ไม่ใช่โครงการเพื่อเพิ่มความสามารถของประเทศ นั้น ย่อมอาจถูกตีความได้ว่า เข้าข่ายมุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง เนื่องจากมีการทักท้วง เตือนว่าโครงการที่เน้นอุดหนุนกรรอุปโภคบริโภค แต่ไม่เพิ่มขีดความสามารถเช่นนี้ จะเพิ่มหนี้สาธารณะ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาวพรบ.นี้ จึงอาจฝ่าฝืน พรบ.วินัยการเงินฯ

 

 

 

 

 

2.ไม่ได้พัฒนาประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลระบุว่าจะใส่เงินในกระเป๋าดิจิทัล แต่ไม่ใช่เงินดิจิทัล โครงการนี้ที่เดิมโปรโมทว่า จะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ให้แก่ประเทศ อันจะทำให้พัฒนาสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบก้าวกระโดด โปรโมชันดังกล่าว ไม่เป็นความจริง 3.เปิดตลาดส่วนลดเนื่องจากรัฐบาลยังกำหนดเงื่อนไข ที่ฝืนธรรมชาติความเดือดร้อนระดับครัวเรือนของประชาชน เช่น ห้ามเอาไปชำระหนี้ โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ ห้ามเอาไปซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง ห้ามเอาไปจ่ายค่าเทอมค่าเรียนของลูก ดังนั้น ข้อวิจารณ์ว่า จะมีบางร้านค้าที่เปิดช่องให้ประชาชนซื้อสินค้าด้วยเงินดิจิทัล ขายคืนในราคาส่วนลด เพื่อรับเงินบาทตามปกติ จึงยังมีผลอยู่ การที่รัฐบาลทำโครงการ อันก่อให้เกิดการค้าส่วนลดเช่นนี้ ย่อมเป็นการไม่เหมาะสม 4. เอื้อประโยชน์แก่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มากกว่า โดย ภายหลังจากท่านนายกแถลงข่าว ราคาหุ้นของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ได้ขยับสูงขึ้นพอสมควร ซึ่งร้านค้าปลีกขนาดเล็กจะมีปัญหา อาจเป็นอุปสรรคที่ร้านค้าขนาดเล็กจะเข้าร่วมโครงการ

 


 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube