รายการ RWS ราชดำเนินเวิล์ดซีรีส์ จากการปลุกปั้นของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักและทุ่มเทให้กับมวยไทยอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จท่วมท้นภายใต้การนำทีมของ “คุณแบงค์” เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานฝ่ายบริหารบริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส และกรรมการบริหารของเวทีมวยราชดำเนิน คุณแบงค์ ได้เปิดใจ ถึงศึกมวย RWS ราชดำเนินเวิล์ดซีรีส์ ว่าการจัดการแข่งขันที่ผ่านมา โดยภาพรวมแล้วผลตอบรับดีกว่าความคาดหมายในทุกๆทาง จนกล่าวได้ว่าช่วยพลิกฟื้นวงการมวยไทยที่ซบเซาในช่วง 2 ปีกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้ง และเวทีราชดำเนินในทุกวันนี้ จัดมวยชกทุกวันตลอดสัปดาห์
กระแสตอบรับที่เกิดขึ้นมานั้นทำให้นักท่องเที่ยวเข้าชมมวยที่เวทีมวยราชดำเนินในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 1,600 % มีผู้เข้าชมมวยไทยที่เวทีราชดำเนินกว่า 190 ประเทศในปีนี้เพียงปีเดียวและมีนักมวยไทยจากทั่วประเทศและทั่วโลกมาร่วมแข่งขันที่เวทีราชดำเนินประมาณการจำนวนกว่า 5,000 คน จากการจัดรายการมวยไทยกว่า 360 รายการในปี 2566 ถือเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้บุคลากรมวยไทยทั้งอุตสาหกรรมและเป็นส่วนร่วม
ช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศของกีฬามวยไทยให้แข็งแกร่ง ในทุกๆภาคส่วน รวมทั้งรายการ RWS ยังมีการถ่ายทอดสดทาง ดะโซน บริษัทสตรีมมิงคอนเทนต์กีฬายักษ์ใหญ่ โดยมีการถ่ายทอดสดไปกว่า 200 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลกทำให้เรตติ้งพุ่งกระฉูดขึ้นจากเดิมถึง 300%
ในโอกาสที่สนามมวยราชดำเนินซึ่งเปรียบดั่งบ้านของมวยไทยมีอายุครบ 78 ปีและย่างก้าวสู่ปีที่ 79 รวมไปถึงการที่ภาครัฐเองก็ต้องการผลักดันให้มวยไทยเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ ที่ดึงดูดผู้ชมจากทั่วโลก ช่วยสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ศึก RWS ในปี 2024 จึงถึงเวลาแล้วที่จะยกระดับก้าวสู่ระดับอินเตอร์ ด้วยการพาตัวเองไปให้ชาวโลกได้รู้จักอย่างกว้างขวางจากการจัดชกในต่างประเทศ อีกทั้งจะเป็นรายการที่จะคงเอกลักษณ์ของมวยไทยไว้ครบถ้วนให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้และรับอรรถรสของมวยไทยอย่างแท้จริง
คุณแบงค์ เปิดใจต่ออีกว่า เบื้องต้นศึก RWS 2024 วางแผนไว้จะจัดขึ้นชกในต่างประเทศหลายครั้ง โดยครั้งแรกกำหนดไว้ว่าจะจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 12 ก.พ. นี้ เพราะประเทศญี่ปุ่นกีฬาการต่อสู้ได้รับความนิยมสูงมากๆอีกทั้งยังมีการจัดแข่งขันศิลปะการต่อสู้หลายรูปแบบ และมวยไทยก็ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ มีนักมวยไทยเดินทางไปชก ที่ญี่ปุ่นมากมาย ขณะเดียวกันก็มีนักมวยญี่ปุ่นหลายคนมาสร้างความฮือฮาบนเวทีราชดำเนินจนกลายเป็นแชมป์เวทีราชดำเนินอย่างเช่น นาดากะ เอวะสปอร์ตยิม
“การพาทัพมวยไทยไปสู่ระดับนานาชาติ อยู่ในแผนงานของเราที่ต้องการจะให้ชาวต่างชาติได้สัมผัสกับความเป็นมวยไทยที่แท้จริง เราต้องการให้เขามีประสบการณ์กับมวยไทยครบทุกอัตลักษณ์ความเป็นมวยไทยที่แท้จริง เพื่อให้ได้รับชมอย่างครบรสชาติของมวยไทยจริงๆ”
ในด้านของ โคระคุเอ็น ฮอลล์ นั้น คุณแบงค์ชี้ว่า เป็นสังเวียนการต่อสู้ระดับตำนานของญี่ปุ่นเฉกเช่นเดียวกับเวทีมวยราชดำเนิน “คนญี่ปุ่นยกให้โคราคุเอนฮอลล์เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับกีฬาการต่อสู้ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 2505 เป็นเวทีในตำนานที่นักต่อสู้ระดับโลก แชปม์เปี้ยนจากทั่วโลกหลายคนเคยมาอวดฝีมือ รวมทั้งยังเคยใช้เป็นสนามมวยโอลิมปิคฤดูร้อนในปี 2507 และยังคงเป็นเวทีการแข่งขันชกมวย คิกบ็อกซิ่ง มวยปล้ำ ระดับโลกและระดับชาติอีกหลายรายการในทุกวันนี้”
“เรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรีกับการประเดิมเวทีในระดับนานาชาติ เป็นการพาเวทีแห่งเกียรติยศของเราไปอยู่ในเวทีระดับตำนานได้อย่างงดงาม”
ที่น่ายินดีมากยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นายโยชิคาซุ คิตาฮาร่าซึ่งเป็นประธานฝ่ายบริหารของโตเกียวโดม ควบคุมดูแลโคราคุเอน ฮอลล์ ซึ่งเป็นสังเวียนกีฬาระดับโลกที่ตั้งอยู่กลางกรุงโตเกียวและมีความยิ่งใหญ่ มีตำนานเช่นเดียวกับเวทีราชดำเนิน ได้ให้เกียรติมาร่วมประกาศการไปจัดต่างประเทศครั้งแรก และให้เกียรติเข้าชมการจัดชิงแชมป์มวยหญิงของเวทีราชดำเนินเป็นครั้งแรกในรอบ 78 ปีระหว่าง โสมรัศมี มานพมวยไทยยิม แชมป์ RWS 2022 รุ่นฟลายเวท และแชมป์ RWS 2023 รุ่นแบนตัมเวท กับ เซฟกี้ วีนั่มมวยไทย รวมไปถึง นาดากะ เอวะสปอร์ตยิม แชมป์รุ่นมินิมั่มเวทและฟลายเวทของเวทีราชดำเนินจะชิงแชมป์เฉพาะกาลรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท พบกับ ชูทรัพย์ ส.สละชีพ ในคืนวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมาด้วย
นายโยชิคาซุ คิตาฮาร่า เปิดเผยทิ้งท้ายว่า “ตนเองนั้นรู้สึกยินดีที่ได้มาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของเวทีราชดำเนินซึ่งเป็นสนามมวยที่มีอายุมากที่สุดในโลกในวันนี้ สำหรับโคราคุเอนฮอลล์ ในฐานะที่เป็นสังเวียนการต่อสู้ระดับตำนานที่มีชื่อเสียงระดับโลกขอต้อนรับรายการ RWS ราชดำเนินเวิล์ดซีรีส์ ที่จะไปจัดชกประเทศญี่ปุ่นในปีหน้าเช่นกัน” เรียกได้ว่า RWS ได้ประกาศศักดาพามวยไทยแท้ๆ จากเวทีราชดำเนิน บ้านเกิดของมวยไทยไทยลุยสนามระดับโลก ที่ญี่ปุ่น
ณ สนามระดับตำนาน “โคระคุเอน ฮอลล์” ซึ่งจะจัดในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews