“พิธา-ทักษิณ” ตึงสุด! 2 ผู้ทรงอิทธิพล ปี 66
อีกไม่กี่เพลา พุทธศักราช 2566 จะรูดม่านปิดฉากลง เมื่อส่องลึกเข้าไปในจักรวาลการเมืองบ้านเราตลอดทั้งปีจะพบ 2 บุคคลที่โดดเด่นเร่าร้อน มีเรื่องราวดราม่าไม่หยุดไม่หย่อน เป็นที่สนใจจากสาธารณชนต่อเนื่อง มีทั้งคนที่รักเทิดทูนบูชาศรัทธา รวมไปถึงคนที่ชิงชัง เหยียดหยาม และก่นด่าเป็นอาจิณ โดยคนหนึ่งเคยเป็นแคนดิเดตประมุขฝ่ายบริหารคนที่ 30 ของประเทศ ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นอดีตผู้นำคนที่23 ของประเทศ และเป็นผู้นำจิตวิญญาณพรรคแกนนำรัฐบาลในขณะนี้
คนแรก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ชายหนุ่มรูปงามผู้ร้อนแรงแห่งปี โปรไฟล์สุดเริ่ด ทั้งบุคคลิกท่าทาง ภาษากาย วาจา รวมไปถึงคมคิดที่คมคายแยบยล แถมการศึกษาดี ฐานะดี ชาติตระกูลดี ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะต่ำกว่า40ปีลงมา แต่สัจธรรมโลกเมื่อมีคนรัก ย่อมมีคนชัง ยิ่งคนรุ่นเก่า ที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง จะใช้แว่นแห่งความอนุรักษ์นิยมใส่มองหนุ่มรายนี้อย่างระแวงแคลงใจในความเป็นหัวก้าวหน้าที่ประสงค์ใจจะปฎิรูปแทบทุกองคพยบในประเทศนี้
ในปี 2566 พิธามีบทบาทโด่นเด่นในช่วงก่อนศึกเลือกตั้งใหญ่ เมื่อเดือนพ.ค.ในฐานะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย และยิ่งฉายแสงออร่าเปล่งประกายมากขึ้นเมื่อผลเลือกตั้งออกมา ค่ายก้าวไกลที่พิธาถือธงนำ ชนะเข้ามาเป็นพรรคอันดับ1ทำให้สปอร์ไลท์สังคมจับจ้องไปที่พิธา
ทุกย่างก้าวในฐานะคนรุ่นใหม่ ว่าที่ผู้นำประเทศคนที่ 30 แต่แล้วพิธาไปไม่ถึงฝั่งฝัน จากสูตรการเมืองภาคพิศดารพันลึก และกลายเป็นCEOขายบ้านจัดสรรที่ถูกปั้นแต่งขึ้นผู้นำคนใหม่
ในปี 2566 พิธา มีเรื่องราวดีๆในชีวิตในจดจารบันทึกหลายเรื่องเช่น นิตยสารไทม์เลือกเขาเป็น 1 ใน 100 ผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลง ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต และล่าสุด Google ยกให้ “พิธา ” เป็นบุคคลที่มียอดค้นหาบน Google มากสุด ในปีนี้ ส่วนเรื่องที่เป็นร่องรอยแผลคือคดีความหุ้นไอทีวี ที่ศาลนัดไต่สวนพยานบุคคลในวันที่20ธ.ค.นี้ และคดีพรรคก้าวไกล หาเสียงแก้มาตรา112 นอกนั้นก็เป็นปมดราม่าต่างๆเช่นเรื่องการจบศึกษา การกลับมางานศพพ่อ การมีข่าวกับดาราสาว การหิวแสงตลอดเวลา และอื่นๆ แต่ก็ไม่สามารถสั่นคลอนภูเขาแห่งศรัทธาปสาทะของเหล่าด้อมส้มผู้ผูกจิตรัดเกลียวจนแน่นแฟ้น
ส่วนดาวดังผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี66 อีกคน คือ เฮียโทนี่ หรือทักษิณ หรือนักโทษเทวดาชั้น14 ที่ฉากทัศน์ความร้อนแรงเริ่มต้นในวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ “เสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน” ได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และเป็นวันเดียวกันกับที่เท้าของทักษิณ กลับมาติดดินที่เมืองไทยอีกครั้งที่สนาม บินดอนเมืองเพื่อเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รับโทษ ตามความผิดที่กระทำเอาไว้ แต่ทว่านั้นเป็นจุดเริ่มซีรีย์เรื่องยาวในเวลาต่อมา
เพราะตั้งแต่วันที่22 สิงหาคมจนถึงปัจจุบันนี้ ทักษิณ ยังไม่เคยทอดกายนิทราบนพื้นผิวของเรือนจำแม้แต่คืนเดียว เพราะเขาเข้าคุกได้เพียงไม่กี่โมงยาม ก็ถูกย้ายมาพำนักยังโรงหมอของตำรวจ ด้วยการกล่าวอ้างถึงโรคภัยและสุขภาพ และปัจจุบันเขารักษาตัวเป็นเวลาเกือบ 4เดือนแล้ว ยังไม่วี่แววว่าจะฟื้นตัว และพร้อมจะกลับมาใช้ชิวิตในเรือนจำเยี่ยงนักโทษคนอื่นๆ ที่ต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะได้ดอมดมกลิ่นอิสรภาพภายนอกทัณฑสถาน
ด้านภาคประชาชนบางกลุ่ม และนักร้องเรียนชื่อดัง ต่างทยอยจัดหนัก ฟ้องกรมราชทัณฑ์-รพ.ตำรวจ นอกจากนั้น ยังขอให้ศาลวินิจฉัยและสั่งให้กรมราชทัณฑ์เพิกถอนระเบียบให้ผู้ต้องขังไปคุมตัวนอกเรือนจำ 2566 อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ โดยมิชอบด้วยกฎหมายด้วย ขณะเดียวกัน หัวหน้าต๋อม -ชัยธวัช ตุลาธน เจ้าสำนักค่ายก้าวไกล ออกมาหวดรัฐบาล ปมยุติธรรม 2 มาตรฐาน ประเคนสิทธิพิเศษ ‘นักโทษชายทักษิณ’ จี้ ฝ่ายบริหาร ตอบสังคมให้ได้
ที่ผ่านมา แม้จะไม่มีถ้อยวจีใดหลุดจากปากทักษิณตั้งแต่กลับไทย แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่า เขายังคงมีบารมีและอิทธิพลอยู่เหนือพรรคการการเมืองแกนนำรัฐบาล ซึ่งนั้นทำให้เขาเป็นบุคคลการเมืองที่ถูกจับจ้องและวิพากษ์ถึงเมล็ดพันธ์ที่เขาหว่านปูทางเพื่อมาออกดอกออกผลในวันนี้นั้นเอง!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





