จับทิศทางเศรษฐกิจไทย หลังตลาดหุ้นพุ่ง รับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 “นายเศรษฐา ทวีสิน” ผ่านฉลุย
เกิดความหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นห้วงจังหวะที่ตัวเลขเศรษฐกิจโตไม่เป็นไปตามเป้า โดยสภาพัฒน์ ประกาศ จีดีพี ไตรมาส 2 ปี 2566 ขยายตัวเพียง 1.8%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดและต่ำกว่าไตรมาสก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากการส่งออกซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ติดลบ รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐ, การลงทุนภาครัฐที่หดตัวลง
พร้อมกันนี้ สภาพัฒน์ได้ปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงจากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ในกรอบ 2.7-3.7% เหลือ 2.5-3% ซึ่งนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส คิดว่า ไตรมาส 3 ปีนี้อาจเป็นอีกไตรมาสที่ไม่น่าสนใจ จากการบริโภคในประเทศกำลังเข้าสู่ Low Season จากฤดูฝน แต่อย่างไรก็ตามหากครม.ใหม่เริ่มงานได้ในเดือน ก.ย. นี้ ก็น่าจะกระตุ้นความมั่นใจของผู้บริโภคและนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใสขึ้นในไตรมาส 4 และ ปีหน้าได้ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น
ด้านฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส มองว่า การจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยที่มีเสถียรภาพ และการได้ครม.ชุดใหม่เรียบร้อย จะช่วยลดความกังวลเรื่องสุญญากาศทางการเมืองและงบประมาณประจำปี 2567 ไปได้ระดับหนึ่ง
ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้แถลงว่าจะยึดนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนเป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ เช่น Digital Wallet, ที่ดินทำกิน, ขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 600 บาทภายในปี21:21 22/8/2566 2570, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ, เพิ่มราคาพืชผลเกษตร, แก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในจังหวัดชายแดนภาคใต้, กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ รวมถึงจะแก้รัฐธรรมนูญ
แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการบริหารงานของนายเศรษฐาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น “นายชาลี ลอยสูง” รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย บอกกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า การเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ง่ายเหมือนเป็นนักธุรกิจที่ทำด้วยอำนาจของตัวเอง ซึ่งการบริหารประเทศนั้นมีทั้งรัฐมนตรี มี สส.ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และภาคประชาชน ดังนั้นนโยบายต่างๆที่หาเสียงเอาไว้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น งบประมาณที่ใช้ในโครงการ Digital Wallet 1 หมื่นบาทนั้น จะเอาเงินจากที่ใด
“การเป็นผู้นำของประเทศหรือนายกรัฐมนตรี คงจะไม่ง่ายเหมือนกับนักธุรกิจเพราะว่ามีปัญหามากพอสมควร เพราะว่าเกี่ยวกับเรื่องการบริหารประเทศ มีทั้งรัฐมนตรี มีทั้งสส.ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และภาคประชาชน รวมทั้งในเรื่องของการที่จะเข้าไปช่วยเหลือในส่วนของภาคประชาชน ที่ตอนนี้ก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องความยากจน ต่างๆเหล่านี้ คงไม่ง่าย เหมือนกับนักธุรกิจที่มองแล้วก็ทำด้วยอำนาจของตัวเอง คงจะไม่ง่ายพอสมควร ดังนั้นนโยบายที่เขาได้มีการหาเสียงเอาไว้ ก็ไม่แน่ใจจะทำได้หรือเปล่า”
และเมื่อถามภาคเอกชนกับสิ่งที่ต้องการจากรัฐบาลเพื่อไทย และ “นายเศรษฐา” คืออะไรบ้าง เรื่องนี้ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย “นายสนั่น อังอุบลกุล” บอกว่า เรื่องเร่งด่วนที่หอการค้าฯ จะนำเสนอรัฐบาลชุดใหม่พิจารณาดำเนินการทันทีในช่วง 100 วันแรก ของการรับตำแหน่ง ได้แก่
1) การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และลดต้นทุนภาคเอกชน 2) เร่งเสริมความโดดเด่นภาคการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย และ3) เร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างท่ออยู่ และจัดทำงบประมาณรายจ่าย 2567 ให้เกิดความต่อเนื่อง ตลอดจนเร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน
ทั้งนี้ หอการค้าฯ มั่นใจว่าหากรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จะมีการเน้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังและตรงจุด รวมถึงดำเนินการตาม 3 ประเด็นเร่งด่วนตามข้อเสนอของหอการค้าไทย ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้กลับมาเติบโตได้โดดเด่น และทำให้ภาพรวมสามารถเติบโตตามเป้าหมายได้เกิน 3%
จากนี้ต่อไป จะต้องจับตาโฉมหน้าครม.ทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยอย่างใกล้ชิด เพราะทุกการขยับ ทุกการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนรวมถึงประชาชนอย่างเราๆนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews