fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

“บิ๊กโจ๊ก” แถลงปิดคดี แอม ไซยาไนด์ ชี้โทษสูงสุดประหารชีวิต

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พร้อมด้วย , พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองปราบปราม และผู้เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงปิดคดี “แอม ไซยาไนด์” ผู้ต้องหาในคดีวางยาฆ่าคนสนิท เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ พร้อมเตรียมส่งสํานวนให้อัยการทั้ง 15 คดี

 

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำนวนทั้ง 15 คดีนั้น มีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องมากกว่า 900 ปาก มีเอกสารเกี่ยวกับคดีทั้งหมดมากถึง 26,500 แผ่น โดยมีการดำเนินคดีผู้ต้องหารวมทั้งสิ้นจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นางสรารัตน์ (15 คดี) ในความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่นฯ และฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ,

 

ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภค บริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพ หรือใช้ และการปลอมปนนั้น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายฯ” ผู้ต้องหารายที่ 2 คือ พ.ต.ท.วิฑูรย์ หรือรองอ๊อฟ อดีตสามีแอม และรายที่ 3 คือ น.ส.ธันย์นิชา หรือทนายพัช คนละ 1 คดีในความผิดฐาน “ช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ร่วมกันทำ ทำลายซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด”

 

ในส่วนของผู้จัดจำหน่ายสารไซยาไนต์ในล็อตที่นางสรารัตน์ฯ หรือแอม ได้สั่งซื้อออนไลน์และนำไปก่อเหตุดังกล่าวนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า หลังสืบสวนขยายผลจนพบแหล่งที่มาของสารไซยาไนด์ที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดของกลางดังกล่าวเอาไว้ได้ และเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนขยายผลหาผู้ที่จัด จำหน่ายสารอันตรายดังกล่าวเพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า คดีนี้ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ ที่ผู้ต้องหามีการวางแผนฆาตกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายปี โดยใช้การวางยาพิษให้เหยื่อเสียชีวิตในลักษณะเหมือนอาการเจ็บป่วย ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว เพื่อไม่ให้ญาติผู้เสียชีวิตพบข้อพิรุธหรือสงสัย และหวังต่อทรัพย์หรือล้างหนี้ที่เคยหยิบยืมมาก่อนหน้านี้ ซึ่งตนได้กําชับให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานและดําเนินการอย่างรอบครอบ เนื่องจากหลายเหตุการณ์ผ่านมานานหลายปี อาจทําให้ยากต่อการรวบรวมพยานหลักฐาน

 

แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็สามารถรวบรวมพนานหลักฐานได้มากพอ จนสามารถสั่งฟ้องดําเนินผู้ต้องหาได้ทั้งหมด

 

นอกจากนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีฆาตกรต่อเนื่องหลายราย แต่จํานวนศพไม่สูงเท่าคดีของ “แอม ไซยาไนด์” รวมถึงในต่างประเทศก็ไม่มีการฆ่าจนมีผู้เสียชีวิตที่มากขนาดนี้มาก่อน ซึ่งคดีนี้เงได้สร้างความสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก และหากไม่สามารถยุติหรือจับกุมผู้ต้องหาได้ คาดจะต้องมีศพเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน และบุคคลเหล่านี้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้ ซึ่งตนไม่ต้องการให้มีกรณีซํ้ารอยเหมือนคดี “สมคิด” ที่ปล่อยตัวออกมาแล้วก็ก่อเหตุฆ่าเพิ่ม ซึ่งเป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์ต้องดูแล

 

“คดีของคุณสรารัตน์ ถือเป็นคดีที่ดังไปทั้งโลก เพราะว่าในประเทศไทยที่ผ่านมา เราก็มีฆาตกรต่อเนื่องหลายคนไม่ว่าจะเป็น บุญเพ็งหรือไอซ์หีบเหล็กหรือสมคิด แต่จํานวนศพที่ลงมือฆ่าไม่ถึงขนาดนี้”

 

ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผู้บังคับการปราบปราม กล่าวถึงกรณีการแท้งลูก ของนางสรารัตน์ หรือ แอม ด้วยว่าตามกฎหมายหากหญิงตั้งครรภ์ไม่สามารถประหารได้ ต้องรอพ้น 3 ปี และเมื่อครบกำหนดโทษประหารจะถูกลดเหลือคุกตลอดชีวิตแต่เนื่องจากการแท้งลูกทําให้เงื่อนไขดังกล่าวถูกยกเลิกออกไป ดังนั้นการดําเนินคดีทั้งหมด ซึ่งศาลจะพิจารณาตามปกติเหมือนบุคคลทั่วไป โดยโทษสูงสุดคือ “ประหารชีวิต”

 

“มีคําพิพากษาถึงที่สุดให้ประหารชีวิต หากหญิงนั้นตั้งครรภ์อยู่ก็มีเงื่อนไขว่าไม่ต้องประหารชีวิต ตามที่กฎหมายเคยรับรู้กันไปแล้ว แต่เงื่อนไขนี้ ในเมื่อขณะนี้ทางตัวของแอมมีการแท้งลูกไปแล้ว เงื่อนไขในเรื่องของเป็นหญิงตั้งครรภ์ตามกฎหมายไม่มีแล้ว เพราะฉะนั้นในการดําเนินคดีทั้ง 14 คดี ในเรื่องฆ่าและพยายามฆ่าอีก 1 คดี จะไม่มีเงื่อนไขการตั้งครรภ์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว เท่ากับว่าการพิจารณาของศาลก็ต้องพิจารณาเหมือนบุคคลทั่วไป”

 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เบื้องต้นได้มีการหารืออัยการแล้ว ซึ่งทุกคดีที่สั่งฟ้อง อัยการสามารถบรรยายฟ้องได้ทั้งหมด และมั่นใจสํานวนทุกคดีสามารถสั่งฟ้องและเอาผิดผู้ต้องหาได้อย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube