fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

“บิ๊กโจ๊ก” เชิญอธิบดี กรอ. ร่วมประชุมการใช้สารไซยาไนด์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เรียกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปรามและตํารวจท้องที่รวมถึงนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมประชุมหารือในคดีของ นางสรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ผู้ต้องหาในคดีวางยาฆ่าเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ พร้อมหารือเรื่องการกํากับและดูแลการใช้สารไซยาไนด์

 

 

โดยพ ล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ทางด้าน พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ มอบหมายแบ่งหน้าที่ในการทําคดีโดยให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 7 รับผิดชอบงานสืบสวน พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง รับผิดชอบงานสอบสวน และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษย์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ รับผิดชอบงานด้านนิติวิทยาศาสตร์

 

 

โดยมีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เป็นผู้กํากับดูแลภาพรวมทั้งหมด และหลังจากนี้จะใช้ กองบังคับการปราบปราม เป็นสถานที่ประชุมคดีและสถานที่สอบสวน โดยเริ่มวันนี้ตามคําสั่งของผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ

 

สําหรับประเด็นการประชุมในวันนี้จะเป็นเรื่อการขยายผลทั้งหมด โดยในห้วง 4 วันที่ผ่านมานั้นมีความคืบหน้าอย่างมาก ซึ่งในเรื่องของสํานวนการสอบสวนไม่มีความหนักใจใดๆทั้งสิ้น โดยเหตุที่ต้องเชิญอธิบดีกรมโรงงานอุสาหกรรมมาร่วมประชุมในวันนี้ เพื่อให้ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม ชี้แจงในเรื่องของการควบคุมการซื้อขายสารไซยาไนด์ให้กับบุคคลทั่วไป ว่าได้มีการตรวจสอบและกำกับดูแลหรือไม่ และปัจจุบันมีการขายหรือหลุดรอดออกมามากน้อยเพียงใด

 

 

เพราะการนําสารดังกล่าวเข้ามานั้นมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนอยู่แล้วคือเพื่อกิจการโรงงาน และเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัย ซึ่งทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องตอบคําถามเหล่านี้ให้ได้ หากพบว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐ ทางตํารวจก็จะดำเนินคดีตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของพ่อและแม่รองอ๊อฟ อดีตสามี นางแอม ที่เรียกเขามาสอบปากคําเพิ่มเติมเมื่อวานนี้นั้น เบื้องต้นให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ส่วนประเด็นที่รองอ๊อฟจะมีส่วนร่วมในการร่วมกันวางยาฆาตกรรมด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ซึ่งจะมีความคืบหน้าภายในสัปดาห์

 

 

ขณะที่ทางด้าน นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังร่วมประชุมว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ควบคุมการนำเข้าสารไซยาไนด์จากต่างประเทศ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขอนำเข้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมและศึกษาวิจัย โดยยอมรับว่า มีผู้ใช้รายย่อยกว่า 2 พันราย เช่น ร้านทอง ซึ่งส่วนนี้ทางบริษัทนำเข้าที่ได้รับขออนุญาตจะเป็นผู้ควบคุมดูแลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์

 

 

ส่วนกรณีคดีของนางสรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาที่นำสารไซยาไนด์ ไปใช้ฆ่าผู้อื่นและกรณีที่มีดาราสาวนำไปใช้ไล่สัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์มีพิษนั้น ถือเป็นการใช้ที่ผิดวัตถุประสงค์ ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมในฐานะผู้เสียหาย จะต้องเดินทางไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย

 

 

อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้ใช้รายย่อย ที่ไม่ต้องมีการขออนุญาตการครอบครองจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม แต่หากมีการใช้เกินกว่า 100 กิโลกรัมขึ้นไป จะต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ด้วย โดยเจ้าหน้าที่จะติดตามการใช้งาน ว่ามีการใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ส่วนเรื่องที่มีการขายผ่านช่องทางออนไลน์นั้น จะต้องไปดูที่ พ.ร.บ.ควบคุมและกฎหมายเรื่องวัตถุอันตราย ว่าโฆษณาได้หรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้จะประสาน สคบ.ให้ช่วยดูว่าสามารถควบคุมการโฆษณาขายไซยาไนด์ได้หรือไม่

 

 

ทั้งนี้ นายจุลพงษ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีบริษัทที่ขอนำเข้าไซยาไนด์ทั้งหมด 14 บริษัท รวมน้ำหนัก 80 ตันต่อปี โดยหลังจากนี้จะดําเนินการแก้ไขเงื่อนไขท้ายใบอนุญาตนำเข้าสารไซยาไนด์ โดยจะกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความเข้มงวดก่อนนำเข้า เช่น ให้ผู้ที่ขออนุญาตนำเข้าแจ้งรายชื่อผู้ที่ต้องการใช้สารไซยาไนด์เป็นต้น ทั้งนี้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่มีความบกพร่องในเรื่องนี้และปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube